วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไม่มีใครไม่รู้จัก Jack the ripper

นักชำแหละที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
ชื่อของชายคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่ชาวอังกฤษและชาวโลกรู้จักกันดี

ชายคนนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วน กับหญิงโสเภณีในย่านสลัมของย่านลอนดอน ซึ่งผ่านมากว่าร้อยปีแล้ว 

และมีหนังสือที่เกี่ยวกับแจ๊คออกมามากมาย ไม่เท่านั้น เพลง , เรื่องเล่า , ละครโอเปร่า
และภาพยนตร์ก็ยังเคยนำเรื่องราวของชายผู้นี้ไปสร้างกันหลายต่อหลายครั้ง

นับว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นอาชญากรชื่อดังแห่งยุคหรือศตวรรษนั่นเลยทีเดียว
เป็นสัญญลักษณ์ของความน่ากลัวต่อชาวอังกฤษ จนถึงทุกวันนี้เมื่อนึกถึงชื่อนี้ขึ้นมา
(the man should not be named) ทำไมชื่อของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ยังคงเป็นที่จดจำกันได้จนถึงทุกวันนี้ ?

คำตอบที่น่าจะกล่าวได้คือ ชายผู้ นี้ยังไม่เคยโดนจับได้เลยตั้งแต่เขาก่อคดีสะเทือนขวัญผู้คนในลอนดอนมา ทั้งยังการฆ่าที่โหดเหี้ยมและน่าสยดสยอง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเหยื่อโดยการผ่าท้อง และลากเอาไส้มาแขวนไว้ที่เสาไฟฟ้า การแขวนศพเหยื่อไว้บนกำแพง ฯลฯ และที่สำคัญไม่มีข่าวรายงานเลยว่ามีคนที่เคยเห็นหน้าแจ๊คด้วยซ้ำไป
 
กระทั่ง ผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้ๆ แม้แต่ตอนที่แจ๊คลงมือยังแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติเลย โดยเหยื่อนั้นเสียชีวิตจากการถูกของมีคมแทงหรือไม่ก็ชำแหละ คมมากจนถึงขนาดตัดกระดูกออกมาได้ บ้างก็กล่าวว่าแจ๊คนั้นเป็นหมอผ่าตัดบ้าง คนชำแหละเนื้อบ้าง และหักอกจากหญิงคนรักที่เป็นโสเภณี หรือเพียงผู้หญิงธรรมดา บ้างก็ว่าลูกชายของแจ๊คนั้นโดนโสเภณีหลอกจนกระทั่งต้องฆ่าตัวตาย เลยเป็นเหตุให้เขาก่อคดีเหล่านี้ คดีฆาตกรรมที่แก้ไม่ได้ของแจ๊คเดอะ ริปเปอร์ ทำเอาตำรวจทั้งลอนดอนปวดหัวเป็นการใหญ่ และพยายามสืบหาว่าเขาเป็นใครและทำการฆาตกรรมต่อหญิงโสเภณีไปเพื่ออะไร จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีการตั้งสมมติฐานและสืบจากหลักฐานที่บันทึกไว้อยู่ แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องราวคืบหน้าอะไร

ตำนานเรื่องราวที่น่ากลัวนั้นเริ่มจากคืนหนึ่งในกรุงลอนดอน อากาศหนาวและหมอกลงหนาจัด

จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งเดินแหวกสายหมอกออกมา พร้อมกับหญิงโสเภณีคนหนึ่ง
โดย ไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นจะไม่มีโอกาสได้เห็นพรุ่งนี้อีกแล้วเมื่อมาอยู่ใน อุ้งมือมัจจุราชของชายที่มาด้วยกัน เมื่อถึงที่ลับตาคน แจ๊คก็เริ่มฆ่าเหยื่อด้วยมีดอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ และจากไปโดยไม่มีใครล่วงรู้

อย่างหนึ่งที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญ กล่าวไว้ว่าเหตุผลที่แจ๊คลงมือนั้น แทบจะหาประเด็นมาอธิบายไม่ได้ ชายผู้นี้ลงมือด้วยความพอใจหรือ ? ลงมือด้วยความแค้นต่อ "ใคร" หรือ "อะไร" สักอย่าง

มาจนกระทั่งถึง เหยื่อรายสุดท้าย จากนั้น แจ๊คเดอะ ริปเปอร์ก็ได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์คดีฆาตกรรม   โดยไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้ นอกจากตำนานการฆาตกรรมสยองขวัญ ที่ยังคงเป็นที่จดจำของชาวอังกฤษ   มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ...


จุดเริ่มต้นของคืนสยอง
เรื่อง ราวการชำแหละอย่างสยดสยองที่ทำให้คนทั่วโลกกลัวกันจนตราบทุกวันนี้เกิดขึ้น เมื่อออ ค.ศ.๑๘๘๘ ในมหานครลอนดอน โดยเฉพาะประชาชนในย่านไวท์ ซาเบทและย่านอิสต์ เอนด์
ในขณะที่ประเทศอังกฤษนับว่าเป็นชนชาติที่ รุ่งเรืองในอารยธรรมมากที่สุดในโลกขณะนั้น ลอนดอนเป็นเมืองหลวงที่มั่งคั่ง ยิ่งใหญ่ หรูหราที่สุด ชาวลอนดอนทุกคนต้องแต่งกายดี มีมารยาททางสังคมสูงส่งเป็นผู้ดีที่ใช้ชีวิตประจำวันราวกับลีลาพญาหงษ์

แต่ ทว่า ในอีกด้านหนึ่งของนครอันศิวไลน์นั้นยังมีตรอก ซอก ซอย ที่อยู่ในจุดอับของความเจริญ ซึ่งชีวิตของคนในนั้นจะดูน่าสังเวช ไม่ผิดกับหนูในท่อ

เด็ก ๕ ขวบมักติดโรคตาย วัยรุ่นติดเหล้า เสพยามีสันดานเป็นโจรไพร่ พวกผู้หญิงวัยรุ่นจนถึงกลางคนจะยึดอาชีพค้าประเวณี ทำตนเปป็นหญิงแพศยา ทำให้รูปร่างเหี่ยว โทรม และแก่เกินวัย ทำให้พวกเธอตกเปปป็นเป้าสายตาของมนุษย์ที่เปรียบได้ดังอสูรร้าย ที่เกลียดชังพวกเธอ จนมันผู้นั้นต้องการให้เธอตายเสมือนไล่บี้แมลงสาบให้ไส้ทะลัก และตายอย่างไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

รายที่หนึ่ง เริ่มต้นในช่วงตี ๕ ของวันที่ ๗ สิงหาคม ค.ศ.๑๘๘๘ มี ผู้เข้าแจ้งความตำรวจแล้วแจ้งว่า มีคนถูกฆ่าตายที่หน้าบ้านของเขา เมื่อตำรวจรุดเข้าไปสถานที่เกิดเหตุ ประจวบกับแสงแดดอ่อนยามเช้าส่องเข้าไป ทำให้เห็นสภาพศพที่ยับเยินของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้คนแถบนั้นต่างรู้จักเธอ ว่าเธอคือ มาร์ธา เทอร์เนอร์ โสเภณีวัย ๓๕ ปี จากสภาพศพชันสูตรออกมาว่า เธอถูกจู่โจมข้างหลัง และฆาตกรได้เชือดคอเธออย่างทารุณ ก่อนที่จะจ้วงล้วงควงแทงเธออีกกว่า ๓๙ แผล เท่านั้นยังไม่พอใจในความวิปริต มันได้เฉือนเนื้อของเธอเป็นชิ้นโตๆ โปะไว้ตรงกองศพ ทว่า...การตายของเธอยังไม่ได้รับการสนใจพอ เพราะถือเป็นเรื่องปรกติ


รายที่ ๒ จากรายแรกผ่านไป ๒๔ วัน ชาวบ้านก็ต้องผวาอีกครั้ง เพราะครั้งนี้โหดเหี้ยมกว่าครั้งแรก

ใน คืนวันที่ ๓๑ สิงหาคม ย่านไวท์ ซาเบล............มีผู้พบศพแมรี่ แอนนี่ นิโคล"พริ้ตตี้ พอลลี่" วัย ๔๒ ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ๒ ชั่วโมงเธอได้เดินควงคู่กับชายแปลกหน้าสวมหมวกทรงสูงหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด ซึ่งชายผู้นั้นได้เลี้ยงเหล้าเธอ และพาเธอหายไปในความมืด
สันนิษฐานว่า ฆาตกรได้ใช้มีดซึ่งผ่านการลับมาอย่างดี ปาดคอเธออย่างรวดเร็ว พอลลี่หมดสิทธิ์ร้อง เพราะหลอดลมของเธอถูกตัดกระจุย และเธอยังไม่ทันตายสนิท คมมีดถูกปักเข้าที่ท้องและชำแหละลากเอาไส้ของเธอออกมา ซึ่งตำรวจผู้ชันสูตรกล่าวว่า*คนร้ายมีความรู้ในด้านกายภาพยอดเยี่ยมมาก เขาน่าจะเป็นหมอก่อนเป็นฆาตกร*


รายที่ ๓ ห่างจากรายที่ ๒ เพียง ๗ วันเท่านั้น

"ดา ร์ก แอนนี่" หรือ แอนนี่ แชบแมน หญิงบริการผิวคล้ำ ซึ่งป่วยด้วยวัณโรค ถูกเชือดชำแหละในคืนวันที่ ๘ กันยายนในถนน ฮานเบอรี่ ๒ สองศพที่ผ่านมานั้นยังเทียบกับศพนี้มิได้ เพราะเธอถูกเชือดคอ ก่อนที่จะหั่นเนื้อของเธอเป็นชิ้นๆ และจบลงด้วยการแหวะท้อง ลากเครื่องในออกมากองไว้ข้างนอก  โดยชาวบ้านต่างพากันว่าเป็นฝีมือของตำรวจนั้นเอง เพราะเป็นพวกไม้เบื่อไม้เมากับโสเภณีเหล่านี้มานาน



รายที่ ๔ เช้าวันที่ ๓๐ กันยายน แถวๆ ดัทฟิลด์ ยารัต ตำรวจกำลังออกเวรได้พบขายาวๆ สวมถุงน่องชี้โด่ออกมาจากประตูโรงงาน

ศพ นั้นรู้จักกันในนามของ"ลอง ลิซ"วัย ๔๕ ปี เหยื่อรายนี้ถูกขัดจังหวะก่อนที่จะชำแหละเสร็จ ฆาตกรจึงลงกับรายที่ ๕ ทันที อาจเป็นเพราะอารมณค้างน่ะครับ มือชำแหละได้ลงมือสังหารรายที่ ๕ ทันทีเป็นเวลา ๔๕ นาทีหลังจากพบศพของ"ลอง ลิซ"


รายที่ ๕ "เคต เคลลี่" อายุ ๔๓ ปีโดนเชือดเข้าที่ใบหน้า ตามตัวถูกกรัดด้วยและกระหน่ำแทงอย่างไร้ความปราณี

ยัง ไม่พอ.......ฆาตกรตัดไตข้างซ้ายและอวัยวะอื่นๆ กลับบ้านไปด้วย และที่สำคัญ ครั้งนี้ฆาตกรมี Massage เลือดฝากถึงตำรวจด้วยว่า "อย่าโทษชาวยิว พวกนี้ไม่รู้เรื่อง" อันเป็นจุดพลิกผันของเรื่อง เพราะในขณะนั้น ชาวยิวซึ่งอพยบมาจากรัสเซียเกิดถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยกัน ยิ่งทำให้ถูกเข้าใจผิดมากไปกว่าเดิมเสียอีก เพราะชาวยิวในยุคนั้นถูกข่มเหงรังแกจากชาวยุโรป ทำให้เกิดบ้าบอขึ้นมาและลงที่ผู้หญิงหากินก็ได้


ไม่นานนัก สำนักข่าวในย่านถนน ฟรีท สตรีท ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งมีใจความว่าดังนี้
"ท่าน ที่เคารพ...ผมคอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่เมื่อไหร่ตำรวจจะได้ รู้และตามจับผมได้สักที แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังหาไม่พบ ผมขอบอกตามตรงว่า ผมขยะแขยงผู้หญิงบางจำพวก คอยดูสิ ผมจะฆ่าพวกมันให้ได้ครบรูร้อยเข็มขัดของผมเลยจะบอกให้ งานของผมนี่สนุกมากเลย ผมเก็บเลือดของพวกมันใส่เข้าไปปในขวดเอาไว้ใช้ต่างหมึกสำหรับเขียนมาถึงท่าน นี่ไง อีกไม่นานท่านจะได้ข่าวคืบหน้าขึ้นมาอีก บางที่ผมอาจจะตัดหูของนังเวรพวกนี้ใส่ซองกับจดหมายด้วยลงชื่อ Jack the Ripper"


นี่เป็นครั้งแรกที่ชื่อของ Jack the Ripper ผุดขึ้นออกมาสู่โกภายนอกและรายสุดท้ายก็มาถึง

( อย่างที่ทราบๆ กันว่าแจ๊คได้ส่งจดหมายให้แก่ตำรวจ แล้ว ๓ เนื้อหาในจดหมายนั้นเนื้อหามีอะไรบ้างล่ะ?

จดหมาย "เจ้านายที่เคารพ"

จดหมาย "เจ้านายที่เคารพ" เป็นฉบับแรก ที่กล่าวถึง นามว่า "แจ๊ด เดอะ ริปเปอร์ เป็นจดหมายลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๑๘๘๘ ไปยังสำนักข่าวเซ็นทรัล หลังจากฆาตกรรม แอนนี่ แซ็ปแมน ๑๗ วัน เขียนด้วยลายมือหมึกแดง มีข้อความดังนี้

๒๕ กันยายน ๑๘๘๘
เจ้านายที่เคารพ 
ผม ได้ยินอยู่เรื่อยว่าตำรวจจะจับผม แต่พวกเขายังหาตัวผมไม่ได้เลย ผมได้แต่หัวเราะเมื่อดูพวกเขาช่างฉลาดล้ำและคุยโวว่ากำลังตามตัวไปถูกทาง เรื่องตลกเกี่ยวกับ ผ้ากันเปื้อนหนัง ทำให้อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ผมอยากกำจัดพวกโสเภณีและผมไม่สามารถหยุดเชือดพวกหล่อนได้จนกว่าจะเอาพวก หล่อนมาคาดรอบพุง งานชิ้นสุดท้ายช่าง ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ผมไม่ให้โอกาสสุภาพสตรีผู้นั้นร้องแม้แต่แอะเดียวตำรวจจะจับผมได้อย่างไรกัน ผมรักงานของผมและอยากจะลงมืออีก ในไม่ช้า คุณ จะได้ยินเรื่องราวของผมอีก เล็กๆน้อยๆ เป็นงานอันสนุกของผม ผมอุส่าเกบเลือดไว้ในขวดเบียร์เพื่อเอาไว้ใช้เขียน แต่มันข้นเหมือนกาวผมเลยใช้มันไม่ได้ แค่หมึกแดงก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ฮ่าๆๆๆ งานต่อไปของผมก็คือ ผมจะตัดหูของสุภาพสตรีส่งให้

(ด้านหลัง) เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อความสนุกน่ะ คุณว่าไหมขอให้เก็บจดหมายนี่ไว้ก่อน จนกว่าผมจะทำงานเล็กๆน้อยๆเสร็จก่อน แล้วค่อยส่งให้ตำรวจทันที มีดของผมคมมากและน่าใช้ จนผมต้องออกไปทำงานเดียวนี้ ขอให้โชคดี

ด้วยความจริงใจ
แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

คงไม่ว่านะที่ผมจะใช้ยี่ห้อประจำตัว

ถัดลงมา ตรงมุมซ้ายของหน้ากระดาษ เขียนไว้ว่า

คงไม่ดีนักที่จะส่งจดหมายนี้ก่อนที่หมึกแดงจะหลดออกจากมือ โชคยังไม่มีเลย อ้อ พวกเขาว่าผมเป็นหมดด้วยล่ะฮ่า ๆ

ไปรษณีย์แจ็คจอมซ่า

วัน เดียวกับเดียวกับการเกิดคดีฆาตกรรมสองครั้งซ้อน สำนักข่าวเซ็นทรั่ลได้รับไปรษณียบัตรเปื้อนเลือดสกปรก ไม่ลงวันที่ แต่ประทับตราต้นทางไว้ที่ ๑ ตุลาคม ลายมือและทำนองเหมือนฉบับแรกใจความว่า

ฉันไม่ได้เข้าประจบนายเก่าของฉันตอนหรอกน่ะ ที่ฉันให้รางวัลนี้แก่คุณเพิ่ม
คุณ คงได้เห็นงานของแจ็คจอมซ่า เมื่อวานนี้ คราวนี้ฉันทำถึงสองงานซ้อนเชียวนะ งานแรกมีเสียงร้องออกมานิดหน่อย งานเลยไม่เสร็จเรียบร้อย ไม่มีเวลาตัดหูมาให้ตำรวจเลย ขอบคุณที่เก็บจดหมายฉบับก่อนไว้จนฉันทำงานอีกครั้ง

แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

อย่างไรก็ตามคนเขียนไปรษณีย์บัตรนี้อาจไม่ใช้ฆาตกรก็ได้ เพราะอาจฟังข่าวในเช้าที่เกิดเหตุ และส่งถึงสำนักงานข่าวเซ็นทรัสเลยก็ได้

ปัจจุบันไปรษณีย์ของจริงนี้สูญหายอย่างลึกลับ ไม่มีใครได้พบเห็นไปรษณีย์บัตรฉบับนั้นอีกเลย
จากนรก

วัน อังคารที่ ๑๖ ตุลาคม ๑๘๘๘ จ๊อร์จ เอคิ่น ลัสก์ ประธานกรรมการป้องกันภัยของไวท์แช็พเพลได้รับพัสดุกล่องเล็กๆ ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล เมื่อเขาเปิดออกดเขาตกตะลึงเมื่อพบ......

ไตครึ่งซีกส่งกลิ่นเหม็นมันถูกตัดแบ่งเป็นทางยาว มีจดหมายแนบใจความว่า


จากนรก

มิสเตอร์ลัสก์

ท่านที่เคารพ

ผม ได้ส่งครึ่งหนึ่งของไตที่เอามาจากผู้หญิงคนหนี่งและเก็บรักษาแบ่งให้คุณ ส่วนอีกส่วนได้ทอดและกินไปแล้ว มันช่างอร่อยมาก ผมจะส่งมีดเปื้อนเลือดที่หั่นมันออกมา ถ้าคุณรออีกสักพัก

ลงชื่อ จับฉันเลยเมื่อ

คุณสามารถจับได้
มิสเตอร์ลัสก์

แต่เขาเก็บเรื่องนี้เอาไว้และบอกสมาชิกในคณะเช้ารุ่งขึ้น

และ จากการตรวจสอบก็พบว่ามันเป็นไตของคนจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของใดเป็นใครกันแน่ อาจเป็นศพที่โรงบาลแพทย์ หรือ อาจเป็นไตจากศพของนางคัทรีนที่ศพพบว่าไตหายได้สูญหายไป)



ราย สุดท้าย แมรี่ เจน แคลลี่ ถูกฆ่าเมื่อวันที่ ๙ พฤษจิกายน ๑๘๘๘ เธอน่าสงสารที่สุด เพราะด้วยวัยเพียง ๒๔ ปี และหน้าตาที่สวยไม่ใช่เล่น ซึ่งผิดกับครั้งที่ผ่านมาเพราะที่ผ่านมาเป็นผู้หญิงแก่ๆ ร่างกายทรุดโทรม

เคล ลี่ เป็นสาวสวยผมบลอนด์ เคยทำงานในราชสำนักของอังกกษ เป็นพี่เลี้ยงให้ทารกสาวน้องให้แก่เจ้าชาย อัลเบิร์ต วิคเตอร์ แต่เธอถูกจับได้ว่าทำงานพิเศษเป็นโสเภณี จึงถูกไล่ออก และเข้ามาอาศัยในมิลเลอร์คอร์ด และเธอค้างค่าเช่าห้องประจำ
ผู้ชายคนสุดท้ายก่อนที่เธอจะตายคือ จอร์ซ ฮัทซิ่งสัน ผู้ที่เธอไปของเน แต่เขาไม่ให้ เธอจึงผละออกไปหาชายผู้สวมหมวกยาวสีดำ ผอมสูง
และนั่นคืออครั้งสุดท้ายที่เธอมีชีวิตอยู่..................

เช้า วันที่ ๙ เคลลี่ถูกพบเป็นศพอยู่ในห้องเช่า เพราะคอที่บอบบางของเธอถูกปาดจนเกือบขาด เนื้อถูกแล่เป็นริ้วๆ จนเหลือแต่กระดูกขาวเว่อร์ ท้องถูกผ่าแหวะออก ตับและไส้ถูกกองออกมาระหว่างเท้าสองข้าง



รู้ สึกว่าเคลลี่จะเป็นรายสุดท้ายนะครับ เพราะว่าแจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ จะหยุดทำการแล้ว เพราะไม่มีศพรายไหนที่เป็นแนวชำแหละแบบ แจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ อีกเลย เสมือนกับว่าเขาหายไปอย่างกระทันหันเลย

.................................................................................................................................................................................

สำหรับ ในเรื่องโคนัน ที่นิ้วนาง เป็นนิ้วที่เล็กกว่านิ้วอื่น เพราะแหวนที่สวมตั้งแต่เด็ก ที่ฆ่าแต่ผู้หญิง เพราะแม่ที่ทอดทิ้งตัวเองตั้งแต่เด็ก ในเรื่องโคนัน คนที่เป็น Jack the Ripper เป็นผู้หญิง

เหอ...เหอ...เหอ...จู่ๆ ก็เลยเถิดไปการ์ตูนเลย อาจเป็นเพราะว่าเขามีหลักและเหตุผลในการเขียนถึงก็ได้นะครับ ต่อไปกระผมขอกล่าวถึงขอสันนิษฐานของเอกลักษณ์ประจำตนของแจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ ซึ่งพยานปากเอกทั้งเจ้าของร้านอาหารที่หญิงเหล่านั้นเข้าไปก่อนตายและหญิง บริการที่เป็นเพื่อนของผู้เคราะห์ร้ายได้ให้ปากคำพอจะรวบรวมข้อสันนิษฐานได้




และแล้ว รายชื่อผู้น่าสงสัยถูกเปิดออกมา ๑๐ ราย ซึ่งเขาแต่ละคนนั้นประวัติก็ดี้ดีซะเหลือเกินนะครับ เรามาดูกันดีกว่าครับ (สั้นๆ)

๑.เจ้าชาย อัลเบิร์ต วิคเตอร์ ยุค แห่งคลาเรนซ์ ซึ่งทรงเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย และพระองค์ถูกสงสัยไม่ใช่เรื่องอื่นไกล เพราะพระอุปนิสัยเสียจนถึงกับเสียมากนี่เอง เพราะทรงเจ้าชู้ ชอบสำส่อนกับโสเภณีในย่านสลัมจนกระทั่งพระองค์ได้ให้กำเนิดทารกจากโสเภณี ซึ่งแมรี่ เจน เคลลี่ (เหยื่อรายสุดท้าย) เลี้ยง แต่พระองค์จับได้ว่า หล่อนมีอาชีพเสริมคือค้าประเวณี จึงถูกไล่ออก จนเคลลี่ประกาศจะแบล็คเมล์โดยรวมกลุ่มกับโสเภณีทั้งหลาย(ก็เหยื่อที่ถูกแจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ฆ่าตาย) ทางราชสำนักจึงมีบัญชาให้เก็บผู้หญิงแพศยานี้เพื่อปกป้องเกียติยศแห่ง ราชสกุล

๒.เซอร์ วิลเลียม กัลล์ แพทย์ประจำพระราชสำนัก ซึ่งอาจได้รับบัญชามาจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถ วิคตอเรียให้มาจัดการแทนก็ได้ แต่หลังจากที่เเมรี่ เจน แคลลี่ตาย ๒ ปี เขาก็เป็นบ้าแล้วถูกจังในโรงพยาบาลโรคจิตลอนดอน

๓.โจเซพ บาร์เน็ต ซึ่งเขาคือสามีของแมรี่ เจน แคลลี่นั้นเออง เหตุผลอาจเพราะเขาต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะเคลลี่ ชอบทอดกายให้คนอื่นที่ไม่ใช่เขาเชยชม เขาจึงฆ่าคนอื่นเพื่อให้หล่อนเลิกทำอาชีพ แต่หล่อนไม่หยุด เขาจึงตัดสินใจลงมือสังหารหล่อนเสียเอง แต่ไม่มีหลักฐานมัดตัวเขา

๔.มองตากู จอร์น ดรูอิต เนติบันฑิตผู้สติไม่สมประกอบ มีความปราดเปรืองและรูปร่างที่ผอมสูงตรงกับบุคลิคของแจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ แต่เขากระโดน้ำตายก่อนที่แมรี่ เจน แคลลี่จะถูกสังหารทำให้ความคิดนี้ตกไป

๕.แอรอน โควิส โคเฮน เป็นคนที่หัวหน้าตำรวจ เซอร์โรเบิร์ต แอนเดอร์สันสงสัยที่สุด เพราะเขาเป็นช่างทำรองเท้าซึ่งโรคจิต เพราะถูฝึกให้ฆ่าสัตว์ตามประเพณีของชาวยิวบ่อยๆ และเขาเคยถูกจับทุกครั้งเมื่อมีการพบศพ แต่ก็ถูกปล่ออยตัวไปทุกครั้ง

๖.โธมัส เฮย์เนส คัทบุช ผู้เป็นโรคประสาทและทำอะไรโดยที่ตนไม่รู้ตัว และเคยฆ่าผู้หญิงที่ชื่อฟรอเลนซ์ จอนสัน

๗.จอร์จ เซปเมน ชายชาวโปแลนด์ผู้ชอบในการผ่าศพ เพราะเคยเป็นลูกมือให้หมอผ่าศพมาก่อน เขาเคยต้องคดีฆ่าตัดคอหญิงคนหนึ่งและในขณะที่คดีของแจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ ปรากฎแล้วปรากฎเล่า เขาทำงานเป็นช่างตัดผมในย่านไวท์ ซาเบท และในปี ๑๘๙๕ เขาถูกจัในข้อหาวางยาพิษผู้หญิงที่ทำงานในร้านอาหาร และขณะที่ถูกจับ เขายิ้มและหันมาพูดแสดงความยินดีกับตำรวจว่า "ขอแสดงความยินดี คุณจับ แจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ ได้แล้ว"
๘.ดร.อเล็กซานเดอร์ เปตาเคนโก เขาเป็นหมอในคลีนิคย่านอิสต์ เอนด์ ซึ่งหมอคนนี้พฤติกรรมดีมาก เคยเชือดคอหญิงโสเภณีจนเกือบขาดมาแล้ว หลังจากที่แมรี่ เจน เคลลี่ถูกสังหาร เขาก็เดินทางกลับรัสเซีย และเผลอไปฆ่าหญิงอีกหนึงคนจนต้องเข้าโรงพยาบาลโรคจิต

๙.ดร.โธมัส นิลส์ ครีม เป็นผู้ต้องคดี ฆ่าโสเถณีไป ๔ ศพ เขาถูกตัดสินประหารชีวติด้วยการแขวนคอ แต่........... คำพูดที่ทำให้คนนับหมื่นในขณะนั้นตะลึงก่อนที่เชือกจะตึงเพราะประตูกลใต้ เท้าเปิดออก เขาได้ตะโกนว่า "I am Jack the........" มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่

๑๐.โรเบิร์ต คอนสตัน สตีเฟนสัน ลูกชายเจ้าของโรงงานน้ำมันพืชในมณฑลยอร์คเซียร์ ขี้เมาหยำเป ขี้โม้ที่หนึ่ง และชอบใช้ชื่อของดร.รอสลินติ"ออนสตัน และชอบเดินไปในย่านไวท์ ซาเบทในช่วงที่เกิดฆาตกรรมขึ้น

แต่ ยังไงก็ตาม ท่านอาจไม่ทราบว่า ความตายนั้นเจ็บปวดเพียงใด แต่.....ความสำคัญของความตายคือ อุปสงค์ที่ทำให้เกิดความตาย บางท่านตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บ บางท่านตายเพราะชราภาพ บางท่านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และอุปสงค์ที่ทำให้เกิดความตายนั่นคือ"เพื่อนมนุษย์"ด้วยกันเอง ซึ่งอาจฆ่ากันด้วยวิธีต่างๆ เช่นปืนผาหน้าไม้ โป้งเดียวอาจตายโดยไม่ทันรู้สึกเจ็บปวด

แต่.............. มีด ที่ แจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ใช้สังหารนั้นไม่สามารถฆ่าคนให้ตายในทันที เขาเหล่านั้นจะต้องทนทุกข์ทรมารจากการกระทำของแจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์ ต้องเหลือบเห็นท้องที่ถูกกรีดออกมา อย่าลืมครับเพราะช่วงท้องของเรานั้นไม่มีจุดที่ทำให้ตายได้ ทำให้ยิ่งทรมารเข้าไปใหญ่
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น