วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภัยเงียบ ไตวาย


"ไต วายเรื้อรัง" เป็นภาวะที่ไตสูญเสียหน้าที่อย่างเรื้อรัง ทำให้เกิดการคั่งของของเสียและน้ำ และเป็นโรคที่พบมากขึ้นตามลำดับในประเทศไทย

น.พ.มา โนช เตชะโชควิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์โรคไตกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ไตวายเรื้อรังเป็นโรคที่พบบ่อย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่ค่อยรู้ตัวว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรัง เพราะอาการเริ่มแรกของโรคไม่รุนแรง เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากมาพบแพทย์เมื่อมีอาการไตวายเรื้อรังรุนแรง หรือเข้าสู่ไตวายระยะสุดท้ายแล้ว จึงต้องสังเกตอาการตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อพบความผิดปกติควรพบแพทย์ เพื่อรักษาทันที

สำหรับสาเหตุของโรคเกิดจากการที่ไตสูญเสียหน้าที่ ขับน้ำและของเสียออกจากร่างกายไม่ได้ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล เกิดภาวะเลือดเป็นพิษ ผู้ ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ซึม คลื่นไส้ และยังมีอาการที่มีผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อกระตุก ปลายมือปลายเท้าชาเนื่องจากปลายประสาทอักเสบ เป็นตะคริว และชัก จะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการที่พบในผู้ป่วยทุกราย ถ้าไตวายมากขึ้นบางรายมีเลือดออกจากทางเดินอาหาร

นอก จากนี้ ยังส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ถ้าไตวายมากมีการคั่งของเกลือและน้ำ จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูง มีอาการบวมเนื่องจากหัวใจวาย บางรายมีอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ รวมไปถึงผิวหนังมีอาการคัน ผิวจะมีสีเหลือง-น้ำตาล

น.พ.มา โนชอธิบายว่า โรคไตวายเรื้อรังมีหลายระยะ เริ่มตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะพบอาการน้อยมาก แต่เมื่อเป็นจนถึงระยะปานกลาง และระยะรุนแรงจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาการจะเพิ่มขึ้น กระทั่งเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งการรักษานั้นนอกจากผู้ป่วยจะได้รับความทุกข์ทรมานแล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้น จึงควรชะลอการดำเนินของโรคไตวายเรื้อรังด้วยการควบคุมอาหาร ซึ่งปรึกษารายละเอียดจากแพทย์ได้

ทางที่ดีก่อนจะกลายเป็นโรคไตวาย เรื้อรัง ควรสังเกตว่าตอนนี้คุณมีภาวะของโรคไตหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณเตือน เช่น ปัสสาวะเป็นเลือดหรืออาจมีสีคล้ายน้ำล้างเนื้อ มีโปรตีนหรือไขขาวรั่วออกมาในปัสสาวะจนทำให้ปัสสาวะที่ออกมามีฟองมาก และฟองไม่สลายตัวไปง่ายๆ (การมีฟองในปัสสาวะเล็กน้อยถือเป็นเรื่องปกติ) อาการบวมรอบๆ ตาและข้อเท้า อาการปวดหลังบริเวณบั้นเอว บางครั้งก็ร้าวไปถึงขาหนีบและลูกอัณฑะ

ด้านวิธีการรักษา คุณหมอกล่าวว่าทำได้หลายวิธี คือ ควบคุมอาหารสำหรับโรคไต การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การล้างไตทางหน้าท้อง การเปลี่ยนไต ซึ่งวิธีที่คนนิยมมากที่สุดคือ ส่วนการล้างไต ปัจจุบันที่ใช้อยู่มี 2 วิธี คือ การล้างไตทางหน้าท้อง และการฟอกเลือดโดยใช้เครื่องไตเทียม

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

หอพักสยอง



"เมย์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพักผีสิง
กลาง ดึกสงัด เกือบจะตีสองแล้วที่เสียงประหลาดจากห้องข้างๆ ดังแทรกความเงียบขึ้นมา นับเป็นเสียงดิ้นขลุกขลักเหมือนใครกำลังทนทุกข์ทรมาน ฟาดแขนฟาดขากับที่นอนแล้วตกลงมาจากเตียง จากนั้นก็กระเสือกกระสนไปทั่วห้อง แล้วตะเกียกตะกายมาทุบผนังเพื่อขอความช่วยเหลือจากเรา

ฉันกับเก๋นั่งจับมือกันแน่นอยู่บนเตียง เราตัวสั่น น้ำตาคลอแทบจะหยด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว!
ทำไม เราถึงเฉย ไม่ยอมไปช่วยเขาน่ะหรือ? ก็เพราะเรารู้น่ะซีคะว่าไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆ เราสักคน...เขาที่เคยอยู่ และเป็นเจ้าของเสียงดิ้นนี้ตายไปแล้วเมื่อสามวันก่อน
เราเป็น นักศึกษาปีหนึ่ง เพิ่งจะมาเช่าหอพักอยู่ด้วยกันเมื่อตอนต้นเทอม คือเมื่อสามเดือนที่แล้วนี่เอง เราอยู่ชั้นที่แปดที่มีอยู่ราวสิบกว่าห้อง และไม่มีห้องว่างเลย ห้องข้างๆ เรานี่มีคนเช่าเป็นผู้หญิงอายุราว 25 ปี ตัวเล็กๆ ผอมๆ หน้าเศร้าๆ เราไม่รู้จักหรอกค่ะ แค่มองหน้ากันบางครั้งเมื่อเราเดินผ่านห้องที่เธอเปิดประตูทิ้งไว้ และนั่งดูทีวีเหงาๆ อยู่คนเดียว

ฉันจำเธอได้ติดตา โดยเฉพาะท่าที่นั่งชันเข่า ผมเผ้าหยิกฟูยาวประบ่า ใบหน้าแหลมๆ ตาโตดุๆ จำได้กระทั่งเสื้อกล้ามสีตุ่นๆ ที่เธอใส่กับกางเกงลายดอกสีแดงๆ

เวลา ฉันเดินผ่านห้องเธอเราจะสบตากัน ฉันยิ้มให้เสมอ แต่เธอจะมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ถือสา...ผ่านกันทีไรฉันก็ยิ้มให้ทุกทีเหมือนเดิม แอบคิดว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะอารมณ์ดี ยิ้มตอบให้ก็ได้

เก๋เคยนินทา ว่ายัยคนนี้ท่าทางบ๊องๆ วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง แอร์ก็ไม่เปิด แต่เปิดประตูแบบไม่แคร์สายตาใคร! ฉันบอกเก๋ว่าฉันเข้าใจว่าทำไมเธอทำแบบนั้น

แหม! ค่าเช่าเดือนละสี่พันห้า ค่าน้ำค่าไฟต่างหาก เธอคงเสียดายค่าแอร์เลยทนอุดอู้ เปิดหน้าต่างเปิดประตูให้อากาศไหลผ่านก็พอ

เออ...จริงสินะ ฉันไม่รู้ว่าเธอทำงานทำการอะไร แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ใช่นักศึกษา

ฉัน กับเก๋เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันก็จริง แต่อยู่คนละคณะ เราจึงมีตารางเรียนต่างกัน บางวันฉันเรียนเช้าแต่เก๋เรียนบ่าย ฉันหยุดวันจันทร์ เก๋หยุดวันพฤหัสฯ ดังนั้น บางสัปดาห์ฉันจะกลับบ้านในเย็นวันเสาร์จนถึงเช้าวันอังคารจึงมาเรียน และมานอนหอ ส่วนเก๋ไม่ไปไหนเลยอยู่หอตลอดเพราะบ้านเธออยู่ต่างจังหวัด

คืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันอาทิตย์ที่เก๋นอนหอคนเดียว!

เธอ เล่าว่ากำลังหลับอยู่ดีๆ ก็ต้องตกใจตื่น เพราะมีเสียงดังเหมือนคนตกเตียงจากข้างห้อง ตกไม่ตกเปล่า กวาดเอาข้าวของหล่นโครมครามกระจัดกระจาย และมันก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น แต่มีเสียงดิ้นขลุกขลักอีกด้วย

เก๋นอนฟังด้วยใจเต้นระทึกสักพักหนึ่ง แล้วเธอก็ลุกไปเคาะประตูห้องข้างๆ ร้องถามว่า "พี่ๆ เป็นอะไร?"

ไม่มีเสียงตอบ...เก๋เลยกลับมานั่งงงอยู่บนเตียง จนได้ยินเสียงทุบข้างฝา เธอเลยโทร.ลงไปบอกแม่บ้านที่ดูแลหออยู่ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
กว่า คุณแม่บ้านและรปภ.จะขึ้นมา เวลาก็ล่วงไปเกือบครึ่งชั่วโมง...เมื่อไขประตูเข้าไปก็พบว่าผู้หญิงห้องนั้น นอนน้ำลายฟูมปาก เป็นฟองปนเลือดเป็นลิ่มๆ ครางด้วยเสียงน่าสยดสยอง...และขาดใจต่อหน้าเก๋ไปเลย!
ตำรวจและมูลนิธิมาชันสูตรกันตอนค่อนรุ่ง เล่นเอาคนตื่นทั้งหอ...เป็นอันรู้กันว่า ผู้หญิงคนนี้ดื่มน้ำยาล้างท่อฆ่าตัวตาย
หลัง จากเหตุการณ์สลดนั่น ประตูห้องก็ปิดตาย โดยที่ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างยังอยู่ ไม่มีญาติหรือเพื่อนของผู้ตายมาเก็บไป...เวลาฉันเดินผ่านจะรู้สึกเสียววาบๆ เหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องตามหลังจนเย็นยะเยือก...
ชั้นแปดของเรามีคนย้ายออกไปหลายรายเลยละค่ะ โดยเฉพาะห้องใกล้ๆ เราเลยรู้สึกเหมือนถูกปล่อยเกาะ!

ฉัน กันเก๋ขอย้ายไปอยู่ชั้นอื่นก็ยังไม่มีห้องว่าง ครั้นจะบอกคืนหอก็เสียดายค่าประกันตั้งเกือบห้าพัน...คือถ้าเราอยู่ไม่ควร สิบเดือนตามสัญญาเช่า เงินจำนวนนั้นจะไม่ได้คืนค่ะ

แต่พอเธอตายไปได้ สามวันแล้ว ห้องที่ปิดตายนั้นก็มีเสียงดิ้น เสียงทุบผนังดังขึ้นมาแบบนี้ เราคงอยู่ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ มันน่ากลัวจนบอกไม่ถูก

ในที่สุด ฉันกับเก๋ก็ไปหาหออยู่ใหม่ ยอมทิ้งเงินประกันที่หอเก่าไปอย่างแสนเสียดาย ฉันปลอบเก๋ว่าดีแล้วล่ะ ผีดุขนาดนั้นใครจะทนอยู่ได้ ฉันว่าอีกไม่นานคนอื่นๆ ในชั้นแปดก็ต้องอพยพออกหมดแน่ๆ และไม่นานก็จะมีคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าไปเช่าหออยู่อีก

แต่จะให้ฉันกลับไปอยู่น่ะไม่เอาแล้ว ขนาดนั่งรถผ่านหอนั้นเรายังขนลุกเลยค่ะ!

สิ่งควรรู้เรื่องยา



ฉีดยาดีกว่ากินยา
โดย หลักการแล้ว ยารับประทานเป็นยาที่แพทย์จะเลือกใช้เป็นลำดับแรก เพราะสามารถรักษาโรคหรือบำบัดอาการได้เกือบทั้งหมด ใช้ง่ายและสามารถติดตัวเพื่อรับประทานต่อเนื่อง สำหรับยาฉีดนั้นเหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยา หรือในผู้ป่วยหนัก หรือผู้ป่วยที่ต้องการผลให้ระดับยาสูงขึ้นทันที หลังจากนั้นเมื่อคุมอาการได้ แพทย์ก็จะพิจารณาให้รับประทานยาต่อ
สิ่งที่ควรรู้ คือ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากยาฉีดนั้นจะแก้ไขได้ยาก หรือรุนแรงมากกว่ายารับประทานและมีบ้างที่อาจแก้ไขไม่ทัน

ยาแพงดีกว่ายาถูก

ความ เชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป โดยเฉพาะยาปัจจุบันที่มีอยู่ในท้องตลาดเป็นส่วนใหญ่ ยาที่แพงอาจเนื่องจากมีการบวกค่าโฆษณา ค่าการค้นคว้าในอดีต และการบวกกำไรลงไปในราคายามากเป็นหลายเท่าตัว

ข้อควรปฏิบัติ คือ ควรสอบถามเภสัชกร หรือแพทย์ว่ายาดังกล่าวสามารถเชื่อถือคุณภาพได้มากน้อยเพียงใด ใช้เกณฑ์อะไรในการพิจารณาว่ายามีคุณภาพ
 

ยาตัวใหม่ดีกว่ายาตัวเก่า


ความ เชื่อนี้มีส่วนจริงบ้างแต่ไม่เสมอไป ยาที่ออกใหม่หลายตัวก็มีผลการรักษาที่ไม่แตกต่างจากยาเดิม แต่ก็มียาใหม่ที่คิดค้นขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่ยาเก่าใช้ไม่ได้ผล อันเป็นปัญหาที่ซับซ้อนสะสมมานาน ทั้งจากด้านผู้ใช้ยาที่ใช้ไม่ถูกต้อง และผู้สั่งใช้ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน หรือแนวทางที่ถูกต้องในการรักษา นอกจากนี้ยาใหม่อาจมีการพัฒนาเพื่อให้ใช้ได้ง่ายขึ้น ลดอาการข้างเคียงบางอย่างลง หรือทันต่อโรคใหม่ ๆ อย่างไรก็ตามข้อเสียของยาใหม่คือมีข้อมูลการใช้ไม่มากพอ ผู้ใช้จึงเป็นเสมือนหนูลองยา บ่อยครั้งที่ต้องมีการถอนยาตัวนั้นออกจากตลาด หลังจากใช้ไปได้ระยะหนึ่ง เพราะความเป็นพิษรุนแรงบางชนิดทำให้พิการบางชนิดมีผลให้เสียชีวิต

สิ่งที่ควรรู้ คือ การรักษาจะได้ผลหรือไม่ขึ้นกับการวิเคราะห์อาการได้ถูกต้อง การเลือกใช้ยาที่เหมาะสมความร่วมมือในการรักษา ความสามารถในการใช้ยาที่มีวิธีการใช้พิเศษ เช่น ยาพ่น และการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ

เมื่ออาการหายก็ไม่ต้องรับประทานยาต่อ

ความ เชื่อนี้มีทั้งที่จริงและไม่จริงยาที่รักษาอาการ เช่น ยาแก้ปวดหัว ยาลดไข้ ยาบรรเทาอาการหวัด ยาเหล่านี้เมื่อไม่มีอาการก็สามารถที่จะหยุดได้ แต่ยาที่มีการระบุไว้ที่ฉลากว่า "ควรรับประทานติดต่อกันทุกวันจนหมด" หรือยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น ความดันเลือดสูง เบาหวาน จะต้องรับประทานต่อเนื่องตามขนาด และเวลาที่ระบุถึงแม้จะควบคุมอาการได้แล้วก็ตาม เพราะเป็นยาที่รักษาที่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยนั้น มิฉะนั้นอาจทำให้เรื้อรัง ดื้อยา หรือไม่สามารถคุมอาการได้ 
      
ข้อควรปฏิบัติ คือ สอบถามทุกครั้งที่ได้รับยาว่ามียาขนานใดที่ต้องรับประทานตามขนาดและเวลาที่ สั่งจนหมด ในทางปฏิบัติทั่วไปยาที่ให้โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อบำบัดเมื่อมีอาการเท่านั้นที่ไม่ต้องรับประทานจนหมด นอกนั้นควรรับประทานจนหมดเพื่อลดปัญหาการเก็บ และการนำกลับมาใช้ใหม่ที่อาจเป็นอันตราย

อาการเจ็บป่วยของตนนั้นต้องใช้ยาแรง ยาอ่อนไม่ได้ผล

หาก ไม่ได้เป็นโรคเรื้อรัง การเจ็บป่วยแต่ละครั้งนั้นไม่ขึ้นต่อกัน การใช้ยาแต่ละครั้งจึงไม่เกี่ยวข้องกันผู้ป่วยมักได้รับการบอกจากผู้ให้ บริการว่า สำหรับคุณจำเป็นที่ต้องได้รับยาแรง ยาอ่อนไม่ได้ผล หรือร้านนี้ไม่มียาอ่อน การพูดดังกล่าวเป็นเพียงการสร้างความเข้าใจที่ผิด และต้องการที่จะให้ผู้รับบริการเชื่อว่าได้รับยาที่ดีที่สุด และเป็นเสมือนการโฆษณาชวนเชื่อ สามารถที่จะเรียกเก็บเงินในราคาสูง ยาที่ดีที่สุดนั้นเป็นยาที่ตรงกับอาการ หรือสาเหตุจริงของการเจ็บป่วย อาการจะหายหรือไม่หายขึ้นกับความสามารถในการวิเคราะห์โรค และการเลือกยาที่เหมาะสม
ข้อควรปฏิบัติ คือ บอกเล่าอาการให้ละเอียด มีประวัติการใช้ยา อาหารเสริม สมุนไพร หรือการแพ้อะไร มีโรคประจำตัวหรือไม่ และสอบถามวิธีปฏิบัติข้อควรระวังในระหว่างการใช้ยานั้น   ยาชุดดีกว่ายาเดี่ยว
ยา ชุดเป็นการจัดยาหลายขนานเข้าด้วยกันที่นับว่าเป็นเสมือนสิ่งที่ปฏิบัติต่อ เนื่องกันมาของสังคมไทย เพื่อความสะดวกในการรับประทานและง่ายต่อการจัดของผู้ป่วย สำหรับยาเดี่ยวนั้นจะบรรจุยาแต่ละชนิดแยกจากกัน ข้อดีของยาเดี่ยวคือไม่ปนเปื้อนยาบางขนานอาจให้ในเวลาที่ต่างกัน แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปจะยากในการใช้ให้ถูกต้อง ยาชุดหรือยาเดี่ยวจึงไม่แตกต่างกัน ถ้าเป็นยาที่รับประทานเวลาเดียวกันและตรงกับอาการที่เป็นจริง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยคือ ยาชุดที่มีการจัดมักจะมีการใส่ยาที่มีอันตรายมาก เช่น สเตียรอยด์ ลงไปในยาชุดโดยหวังให้กดหรือบดบังอาการชั่วคราว และจะเป็นอันตรายร้ายแรงเมื่อใช้ต่อเนื่อง
 
ข้อควรปฏิบัติ คือ หากเลี่ยงได้ให้เลี่ยงยาชุดโดยเฉพาะยาชุดที่มีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า และให้บอกว่าไม่ต้องการยาสเตียรอยด์                                          


ยารับประทานจะรับประทานก่อน หรือหลังอาหารก็ได้ไม่แตกต่างกัน

ความ เชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป โดยมาแล้วยารับประทานมักจะให้รับประทานหลังอาหารเพื่อสะดวกในการรับประทาน และไม่ลืมเป็นการเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยา ยาหลังอาหารนั้นสามารถที่จะรับประทานหลังอาหารได้ทันที หรือภายในครึ่งชั่วโมง

สำหรับ ยาก่อนอาหารจะต้องรับประทานก่อนอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่ง ชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากระบุให้รับประทานก่อนอาหารพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที ก็ควรที่จะปฏิบัติตามเวลาที่รับประทานที่ถูกต้องของยาดังกล่าว เนื่องจากยาบางตัวไม่ทนกรด ยาบางตัวมีผลกัดกระเพาะ ยาบางตัวจะดูดซึมได้ดีเมื่อรับประทานพร้อมอาหารหรืออาหารที่มีไขมันสูง
      
สิ่งที่ควรรู้ คือ การได้รับยาที่มากกว่า 1 ขนานสามารถที่จะเกิดยาตีกันได้ (อันตรกิริยาของยา) ในบางครั้งการให้รับประทานก่อนหรือหลังอาหารแยกจากกัน ก็มีจุดมุ่งหมายที่จะป้องกันไม่ให้ยาตีกันดังกล่าว จึงควรที่จะรับประทานให้ถูกต้องเพื่อผลการรักษาที่ดี และลดอาการอันไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้

เวลาหาวทำไม น้ำตาจึงไหล



เวลา เราหาวเนี่ยจะทำให้เกิดสัญญาณชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไมโครอัลตร้าฮาร์โมนิเซชั่นเวฟ ขึ้นมา มีผลทำให้ อากาศธาตุบริเวณหน้ามีความกดอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ปรากฏการณ์ที่ภาวะความกดอากาศเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้เรียกว่า ปรากฏการณ์ เชลโดโมออกซิเตมุน ปรากฏการณ์นี้จะเกิดเพียงเส้ยววินาทีทำให้เกิดผล คือ จะทำให้ลูกตาคนเราทนไม่ได้กับปรากฏการณ์นี้เพื่อป้องกันกระจกตาเสียหาย ต่อมรับน้ำตาจะปล่อยน้ำตามาคลอบคลุมทั่วดวงตาในปริมาณ 10 ลูกบาศมิลลิเมตร

แก้ปัญหาผิวไม่มีชีวิตชีวา



                เคล็ดลับ  แก้ปัญหาผิวหน้ามัน  หน้าหมองคล้ำ  รูขุมขนกว้าง  ผิวหยาบกร้าน  ไม่มีชีวิตชีวา
        ปัญหา เกิดขึ้นที่ว่า  ก็อย่างเช่น  เรื่องของรูขุมขนกว้าง  เหตุเพราะต่อมไขมันใต้ผิวหนังทำงานมากขึ้น  รูขุมขนจึงต้องขยายตัวกว้างเพื่อจะได้ระบายไขมันออกมาได้สะดวก

        - ผิวหน้ามัน
  เมื่อต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ  ปริมาณน้ำมันบนผิวหน้าก็มากขึ้นไปด้วย  ผิวหน้าจึงดูมันเยิ้ม  เป็นเงา


        - ผิวหน้าหมองคล้ำ  ไม่สดใส
  เมื่อ ผิวหน้ามัน  โอกาสในการซึมซับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกจากอากาศเข้ามาสะสมบนผิวหน้าก็มีมาก ขึ้น  หากทำความสะอาดไม่ดีพอ  ผิวหน้าก็จะหมองคล้ำ  ไม่สดใส


        - ผิวหน้าหยาบกร้าน  ไม่มีชีวิตชีวา
  ด้วย สภาพอากาศที่ร้อน  แดดแรงและมลภาวะที่ผิวหน้าต้องเผชิญทุกวัน  แม้ว่าผิวหน้าจะมัน  ผิวก็เสียความชุ่มชื่นได้ตลอดเวลา  ผลที่ตามมาก็คือ  ผิวจะหยาบกร้าน  ไม่เรียบเนียน

        ด้วย สภาพปัญหาของผิวหน้ามันและรูขุมขนกว้างเพื่อชะลอการเกิดฝ้า  และริ้วรอยที่จะตามมา  จึงต้องเริ่มแก้ปัญหาผิวตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้ามันอย่างครบ ขั้นตอน  เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกันและกัน  เริ่มด้วย...


ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า

        
        เลือกเคลนเซอร์ล้างหน้า ที่ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างและน้ำมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด  และต้องทำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น  หลังจากนั้นเช็ดผิวเพื่อทำความสะอาดอีกครั้งให้ล้ำลึกถึงรูขุมขนด้วยโทน เนอร์  เพื่อกระชับรูขุมขนและซึมซับน้ำมันส่วนเกินที่ยังหลงเหลือจากการล้างหน้าออก ให้หมด

        
        ตามด้วยการบำรุงผิวด้วยโลชั่น
สูตร ควบคุมความมันแบบโลชั่นเนื้อบางเบา  ซึมซาบเร็ว  เพื่อติมความชุ่มชื่นให้กับผิวที่เราต้องสูญเสียไปในขั้นตอนการทำความสะอาด  สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องเลือกสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน  จะได้ไม่เป็นการเพิ่มจำนวนน้ำมันให้กับผิวหน้าของเรา

        
        และขั้นตอนพิเศษเพื่อให้ผิวหน้าสดใส  ไม่ หมองคล้ำ คือการขัดและพอกหน้า  เป็นการขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้หลุดออก  เวลาขัดต้องขัดอย่างเบามือนะคะ  แล้วนวดวนเป็นวงกลมอย่างนุ่มนวล  เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง  คุณทราบมั๊ยคะว่า การนวดจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต




ขอขอบคุณ : หนังสือกุลสตรี

ทำไมเรียก ยาหม่อง



ชื่อ ของ Hawpar Group ในประเทศไทย อาจไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางนักแต่หากเอ่ยถึงยาหม่องตราเสือ และน้ำมันกวางลุ้ง สินค้าทั้ง 2 กลับเป็นที่รู้จักกันมากกว่า

ทั้ง ยาหม่องตราเสือ และน้ำมันกวางลุ้ง เป็นสินค้าซึ่งคิดค้น และผลิตโดย Hawpar โดยเฉพาะยาหม่องตราเสือนั้นเป็นสินค้าชิ้นแรกที่ Hawpar คิดค้นขึ้นมาได้ตั้งแต่เมื่อเกือบ 100 ปีก่อนและมีผลให้ Hawpar สามารถขยายอาณาจักรออกไปได้กว้างขวาง และยิ่งใหญ่ในปัจจุบันรวมถึงทำให้คนไทย เรียกขานยาที่สามารถรักษาได้สารพัดอาการ ซึ่งทำมาจากน้ำมันเข้มข้น เมื่อนำมาถูนวดแล้วมีความร้อน ว่า "ยาหม่อง"
Hawpar Group ถือกำเนิดขึ้นจาก Aw Boon Haw (Tiger) และ Aw Boon Par (Leopard) 2 พี่น้องลูกชายของ Aw Chu Kin แพทย์แผนโบราณ (ซินแส) ชาวเมืองเอหมึง มลฑลฮกเกี้ยนที่อพยพไปหากินโดยเปิดร้านรับรักษาคนไข้อยู่ในกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1800

ทั้งคู่เกิดในพม่า โดย Aw Boon Haw เกิดในปี 1882 และ Aw Boon Par เกิดในปี 1888
ในวัยเด็กทั้งคู่ถูกส่งเข้าศึกษาในโรงเรียนของคนอังกฤษที่อยู่ในพม่า


เมื่อ ปี 1908 Aw Chu Kin บิดาของทั้งคู่เสียชีวิต 2 พี่น้อง Boon Haw และ Boon Par จึงได้เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองโดยการผสมผสานวิทยาการสมัยใหม่จากทางตะวันตก กับวิชาความรู้ทางแพทย์แผนโบราณที่ได้รับสืบทอดต่อจากบิดาโดยการผลิตยาหม่อง ตราเสือซึ่งมีความหมายตามชื่อของทั้งคู่ออกมาจำหน่าย

กิจการของทั้ง คู่ประสบความสำเร็จ ยาหม่องตราเสือได้รับความนิยมไม่เฉพาะแต่ในพม่าแต่ยังถูกส่งออกมาขายใน ประเทศใกล้เคียง ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทยในปี 1920 ทั้งคู่ซึ่งเพิ่งมีอายุได้ไม่ถึง 40 ปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนจีนที่ร่ำรวยที่สุดคู่หนึ่งในกรุงย่างกุ้ง

ใน ปี  1926 ทั้งคู่ได้ขยายมาเปิดโรงงานในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการขยายกิจการออกนอกประเทศพม่าเป็นครั้งแรกจนกระทั่งเกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 โรงงานของทั้ง 2 พี่น้อง ทั้งที่อยู่ในพม่าและสิงคโปร์ต้องปิดลงชั่วคราว และอพยพไปลี้ภัยอยู่ในฮ่องกง

Boon Par ได้เสียชีวิตลงก่อนสงครามโลกสิ้นสุดเพียง 1 ปี เมื่อสงครามสงบ Boon Haw ผู้พี่ได้กลับมาเปิดโรงงานที่สิงคโปร์ใหม่ และเริ่มต้นขยายธุรกิจออกไปได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งนอกเหนือจากธุรกิจเพื่อสุขภาพแล้ว ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกิจการธนาคารที่ชื่อว่า Chung Khiaw Bank

ปี 1954 Boon Haw เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย ทิ้งกิจการซึ่งได้ขยายกลายเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ไว้ให้กับคนรุ่นลูกเป็นผู้ดูแลแต่ในเจเนอเรชั่นที่ 2 ไม่สามารถรักษาความเป็นเจ้าของไว้ได้ หลังจาก Hawpar Group ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ในปี 1969 กิจการของ Hawpar Group ก็มีการเปลี่ยนมือเจ้าของอยู่หลายครั้ง

ครั้งหนึ่งบริษัทแจ๊กเจีย อุตสาหกรรมของไทย ได้เคยเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 16% และเคยนำยาหม่องตราเสือเข้ามาผลิตในประเทศไทย แต่ภายหลังหุ้นดังกล่าวก็ถูกเปลี่ยนมือโดย United Overseas Bank (UOB) ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 30% ในปี 1981 และยังคงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่จนถึงปัจจุบัน โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 43% 

และนี่คือที่มาของคำว่า "ยาหม่อง"

ขัดริมฝีปากง่ายๆ



ลองขจัดความแห้งแตกบนริมฝีปากด้วยตำรับง่ายๆ             เริ่มจากผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งช้อนชาเข้ากับน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชา
            น้ำตาลทรายสองช้อนชา และน้ำมะนาวสดอีกเล็กน้อย
            คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนได้เป็นเนื้อทรายข้นๆ
            จากนั้น ใช้นิ้วหรือแปรงสีฟันถูส่วนผสมนั้นลงบนริมฝีปากเบาๆ สักสองสามนาที แล้วล้างน้ำออก
           คุณก็จะได้ริมฝีปากที่เนียนนุ่มขึ้น โดยไม่ต้องทุ่มเงินซื้อผลิตภัณฑ์ราคาแพงๆ

สูตรพอกหน้า หนุ่มๆ




.....ถึงผู้หญิงจะอยากสวยก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะรักสวยรักงามไม่ได้นะ มาถึงตอนนี้เราก็ได้นำเคล็ดลับสูตรพอกหน้าของหนุ่มๆ มาฝากกันด้วย......
                        
1. น้ำผึ้ง + มะขามเปียก : เอามะขามเปียก มาแยกเม็ด และ ใยออก  (แค่พอ   ใช้ครั้งเดียว ) + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ในสัดส่วนที่เท่ากันค่ะ ผสมกันเป็นเนื้อเดียวกัน จะข้นมาก ๆ เป็นสีน้ำตาลออกดำเลย เอามาพอกหน้า จะรู้สึกยิบ ๆ ที่หน้าพักหนึ่งแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ ล้างหน้าออกด้วยน้ำอุ่น ..
2. น้ำผึ้ง + ใบบัวบก : เอาใบบัวบกที่ยอดไม่แก่มากนะค่ะ เอามา 1 กำมือ มาสับ ๆ ๆ ๆ จนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เอาผ้าขาวบาง ( อย่าแอบใช้ที่นึ่งข้าวเหนียวนะค่ะ หุหุ ) มาห่อใบบัวบกที่สับแล้ว คั้นเอาน้ำออกมาก่อนค่ะ ได้สัก 8 - 10 หยด นี้ใช้ได้แล้ว เอา มาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน เอากากของใบบัวบก มาผสม คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ ครีมพอกหน้าสีดำ ๆ เอามาโปะบนหน้าเลยค่ะ

         
ใบบัวบก จะมีสาร เซนทริล่า ( คือ ตัวเดียวกับใน Smooth E , ครีมหน้าเด้ง ชั้นสูง ฯลฯ ) ใบบัวบก จะช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง เมื่อเซลล์แข็งแรง ก็พร้อมจะทำงานของมันได้อย่างสมบูรณ์
     
3. น้ำผึ้ง + โยเกริ์ต : อันนี้แนะนำว่า ต้องเป็นโยเกริ์ตรส ธรรมชาตินะค่ะ และต้องล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งก่อนใช้สูตรนี้ ไม่งั๊น สิวจะถามหาเน้อ ไม่มีไร มาก ก็เอามาผสมในอัตราที่เท่ากัน แล้วเอามาพอกหน้า ( ควรเป็น โยเกริ์ตแช่เย็น นะค่ะ)

4. น้ำผึ้ง + กล้วยหอม :  เอากล้วยหอมมาปั่นให้ละเอียด ใส่น้ำผึ้งลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นอีกครั้ง จะได้ครีมพอกหน้า สีน้ำตาลขุ่น ๆ เอามาพอกหน้าได้เลยครับ .. วิตามินเอ และ สารพัด วิตามิน จะไปบำรุงผิวหน้าให้ นุ่ม เซลล์ผิวแข็งแรง และ หน้าสะอาดค่ะ


5. น้ำผึ้ง + มะเขือเทศ : อันนี้หรือ . สุดยอดอีกตัวที่มีคนใช่บ่อย พอ ๆ กับ ตัวที่ 1 และ 2 ค่ะ ไม่มีไรมากค่ะ พยายามเลือกมะเขือเทศสด ที่ผิวสีแดง และ ผิวของมะเขือเทศด้านนอก ตึง ใส ไม่เหี่ยว มา 1 ลูกค่ะ 
ล้างให้สะอาด เอาเข้าเครื่องปั่นให้ เละเลย ใส่น้ำผึ้งลงไป 1 ช้อนโต๊ะ เอามาพอกหน้า .. OH ! ทำไมหน้ามันสดใส ขาว และ ดูมีน้ำในผิว เช่นนี้ .. อันนี้แหละค่ะ ที่สุดของที่สุด

เคล็ดลับเลือกรองเท้า

วิธีการเลือกซื้อรองเท้า


    สิ่งที่ช่วยปกป้องเท้าของคุณก็คือ รองเท้า ซึ่งควรสวมร้องเท้าตลอดเวลาแม้อยู่ในบ้าน เพื่อช่วยรับน้ำหนักและป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับเท้า หากร้องเท้าที่คุณสวมใส่ไม่เหมาะสม เช่นใส่ร้องเท้าหน้าแคบหรือรองเท้าส้นสูง อาจทำให้เกิดอาการปวดเท้าหรือมีความผิดปกติกับรูปเท้า เนื่องจากเท้าถูกบีบรัด ที่พบบ่อย คือ อาการหัวแม่เท้าเกหรือบิดเข้าสู่นิ้วชี้มากไป จนบางทีเกิดอาการซ้อนทับ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการรับน้ำหนักที่ไม่เหมาะสมและปวดเท้านั้นเอง ถ้าคุณมีอาการปวดเท้าอยู่แล้ว แต่ยังเลือกสวมร้องเท้าไม่เหมาะสม ก็อาจส่งผลให้มีอาการปวดเท้าเรื้อรังต่อไปได้อีก เพราะร้องเท้านั้นสำคัญ จึงควรเลือกรองเท้าให้เหมาะกับเท้า เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียภายหลัง


วิธีการเลือกซื้อรองเท้า

    ช่วงบ่ายเหมาะสมที่สุด ถ้าคุณต้องเดินในช่วงกลางวันควรเลือกซื้อรองเท้าช่วงบ่าย ๆ เพราะเท้าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อผ่านการเดินมาตลอดทั้งวัน เนื่องจากเลือดไหลเวียนลงสู่เท้ามากขึ้น จึงเหมาะที่จะเลือกรองเท้าเพื่อป้องกันปัญหารองเท้าคับ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมและชีวิตประจำวันด้วย

    เลือก คู่ที่ขนาดเหมาะสม คือส้นเท้าจะชิดส้นรองเท้าพอดี และส่วนหัวรองเท้าจะเหลือพื้นที่เท่ากับความกว้างของหัวแม่โป้งมือ เมื่อวัดจากนิ้วเท้าที่ยาวที่สุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิ้วหัวแม่เท้าเสมอไปและส่วนที่กว้างที่สุดของรองเท้า ควรตรง และพอกับตำแหน่งที่กว้างที่สุดของเท้า

    ใส่แล้วนิ่มสบาย เลือกรองเท้าไม่มีตะเข็บแข็ง รองเท้าที่ทำจากหนังแท้มักมีความยืดหยุ่นและระบายอากาศดีกว่าหนังเทียม
    ลองก่อนเสมอ เท้าของเราสองข้างไม่เท่ากัน จึงควรลองรองเท้าทั้งสองข้างและเดินไปมาด้วยว่าสบายเท้าหรือไม่
    เผื่อที่กันคับ อุปกรณ์เสริมในรองเท้าต่าง ๆ เช่น แผ่นรองเท้า แผ่นกันรองเท้ากัด ฯลฯ จะทำให้รองเท้าของคุณคับขึ้น หากต้องใช้อุปกรณ์เหล่านั้น ควรเลือกรองเท้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

    ไม่คีบดีกว่า การใส่ร้องเท้าคีบทำให้เกิดการเสียดสีบริเวณร่องนิ้วเท้า จึงไม่เหมาะในบางคนที่เท้าชา ซึ่งอาจะเกิดแผลโดยไม่รู้ตัว

    แบนไปไม่ดี ความราบของพื้นรองเท้า ไม่เหมาะกับสรีระเท้าต่อการรับน้ำหนัก ดังนั้นหากใส่รองเท้าแตะ ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นนิ่มและเสริมบริเวณอุ้งเท้าจะดีกว่า

    รองเท้าสองชั่วโมง การใส่ส้นสูงนาน ๆ อาจมีปัญหาปวดฝ่าเท้าส่วนหน้า ผิวฝ่าเท้าบริเวณดังกล่าวอาจด้านและแข็งเป็นไตเพราะต้องรับน้ำหนักมาก ดังนั้นควรใส่ส้นสูงเมื่อจำเป็น เช่น ออกงานกลางคืน และไม่ควรใส่นานเกินสองถึงสามชั่วโมง

ตรวจอาการผิดปกติของร่างกายจาก 'เล็บ'



        ทราบหรือไม่ เล็บ สามารถบอกอาการผิดปกติของร่างกายได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีการสังเกตมาให้ลองสำรวจกัน...

        -เล็บสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง
มีความผิดปกติที่ตับ หรือโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ
        -เล็บหนากว้าง โค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำ  ลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง

        -เล็บเป็นหลุม ขรุขระ ไม่ เรียบเกลี้ยงเกลา บงบอกว่าจะเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง 70%

        -เล็บขาวซีด อ่อน แบนและบุ๋ม  ลักษณะแบบนี้พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง
        -เล็บสีเหลือง  อาจเป็นเพราะสารนิโคตินที่มาจากบุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด

        -เล็บที่เป็นจุดหรือเส้นสีม่วง
ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดฝอยแตก  พบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ และโรคขาดวิตามินซี
        -เล็บที่เป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเสี้ยวพระจันทร์
อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพ

        -เล็บสีดำ พบมากในคนที่ขาดวิตามินบี 12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้
อ่านจบอย่าลืมสำรวจเล็บตนเองและคนรอบข้าง ด้วยความปรารถนาดี.



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีใช้ยาคุมกำเนิดแบบแผ่นแปะ



ยา คุมกำเนิดแบบนี้คุมกำเนิดได้ถึง 99% เหมือนกับชนิดกิน แต่ที่ย้ายมาแปะไว้บนร่างกายก็เพื่อป้องกันอาการขี้ลืมของสาวๆ และยังติดเหนียวหนึบไม่หลุดไม่ลอก
ข้อดีของแผ่นแปะคุมกำเนิด

นอก จากจะไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้อ้วนแล้ว ยังใช้สะดวก ช่วยลดผลกระทบต่อการทำงานของตับ ไม่มีผลระยะยาว ถึงจะเลิกยาแล้วก็สามารถตั้งครรภ์ได้ทันที

ตำแหน่งที่สามารถติดแผ่นแปะ
แปะ ได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่ถ้าแปะที่ท้องน้อยหรือสะโพกจะปลอดภัยจากสายตาคนอื่น ไม่ควรแปะที่เต้านม จุดที่มีแผลอยู่ บริเวณที่ผิวหนังอักเสบ หรือเป็นโรคผิวหนัง และห้ามแปะซ้ำที่เดิม ต้องเปลี่ยนที่แปะอย่างน้อย 1 สัปดาห์ถึงจะกลับมาแปะที่เดิมได้

วิธีใช้ยาแปะคุมกำเนิด    วิธี "First Day Start"
แปะ แผ่นยาคุมในวันแรกที่คุณมีรอบเดือน จนครบ 7 วันก็เปลี่ยนแผ่นใหม่ และต้องเปลี่ยนแผ่นในวันเดิมที่เคยเปลี่ยนเท่านั้น เช่น ถ้าเปลี่ยนใหม่วันจันทร์ วันจันทร์ถัดไปก็ต้องเปลี่ยนอีกแผ่น จนกว่าจะครบ 3 แผ่น 3 สัปดาห์ จากนั้นก็เว้นไปไม่ต้องแปะ 1 สัปดาห์ จากนั้นไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่ ก็ต้องแปะแผ่นใหม่ต่อไปทันที
วิธี "Sunday Start"
วิธี นี้ทำเหมือนวิธีแรกทุกอย่าง เพียงแต่ต้องแปะแผ่นเฉพาะในวันอาทิตย์เพื่อให้ไม่ลืม จากนั้นวันอาทิตย์ต่อมาก็เปลี่ยนแผ่นใหม่ แปะให้ครบ 3 อาทิตย์แล้วเว้น 1 สัปดาห์ จากนั้นก็ต้องแปะแผ่นใหม่ไม่ว่าจะมีรอบเดือนหรือไม่ก็ตาม แต่วิธีนี้จะคุมกำเนิดได้ไม่ดีเท่าวิธีแรกเพราะไม่ได้แปะตั้งแต่วันแรกที่มี รอบเดือน จึงต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมไปด้วย


ข้อควรรู้ในการใช้แผ่นแปะ  

1. หลังจากเว้นไป 7 วัน ถ้าวันรุ่งขึ้นถึงกำหนดที่ต้องแปะแผ่นใหม่แต่คุณลืม เมื่อไรที่นึกได้ต้องรีบแปะทันที และในระหว่าง 7 วันแรกนั้นต้องใช้การคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมไปด้วย

2. ถ้าแปะแผ่นแรกจนครบ 7 วัน แล้วลืมเปลี่ยนแผ่นใหม่ ทันทีที่นึกได้ให้รีบเปลี่ยนแผ่นใหม่ทันที ถ้าลืมเปลี่ยนไม่เกิน 2 วัน สรรพคุณในการคุมกำเนิดจะยังอยู่ และให้นับวันที่ลืมรวมไปกับแผ่นที่ติดใหม่ด้วย เช่น ถ้าลืมหนึ่งวันก็แปะแผ่นใหม่อีก 6 วัน

3. ถ้าแผ่นหลุดก่อนครบ 7 วัน ให้เปลี่ยนแผ่นใหม่โดยนับเวลารวมกับแผ่นเก่า เช่น ถ้าแผ่นหลุดโดยเหลือเวลาอีก 3 วัน ก็แปะแผ่นใหม่ลงไปแล้วนับต่อไปอีก 3 วัน ค่อยดึงออกแปะแผ่นใหม่ลงไป

4. หลังการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะ แล้วจะยังคงมีรอบเดือนเป็นปกติเช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิด หลังจากแกะแผ่นที่ 3 ออกแล้ว ไม่เกิน 1-2 วันประจำเดือนจะมาตามปกติ

ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่ง ของไมโครซอฟท์



 เบื้องลึกเบื้องหลังของบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุด ในโลกที่ล้วนแต่น่าขบขันและน่าสนใจ
ที่สำคัญคือคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!


1. ครั้งแรกของ “Microsoft”ชื่อ “Microsoft” นั้นถูกใช้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ปี 1975 ในจดหมายที่ Bill Gates ส่งถึง Paul Allen ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โดยครั้งแรกนั้นจะเขียนเป็น “Micro-Soft” และอีกหนึ่งปีคือวันที่ 26 พฤศจิกายน ปี 1976 เครื่องหมายการค้านี้ก็ถูกใช้เป็นชื่อบริษัทนับตั้งแ ต่นั้นมา

2. เขตปลอด iPod และ Google
ได้ ชื่อว่าเป็นซีอีโอของไมโครซอฟท์ Steve Balmer จึงได้ปลูกฝังลูกๆ ของเขาให้ใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ โดยตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์กับสถานี CNN เขากล่าวว่า “ลูกๆ ของผมก็เหมือนเด็กทั่วๆ ไป ที่อาจจะไม่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดตลอดเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมทำสำเร็จก็คือการล้างสมองพวกเขาไม่ ให้ใช้ Google และ iPod”

3. เกมตัวเลข I
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์จ้างพนักงาน 95,828 คนทั่วโลก โดยพนักงานเหล่านั้นมีอายุเฉลี่ย 37 ปี ในจำนวนนี้เป็นผู้ชาย 74.7 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังครอบครองอสังหาริมทรัพย์ (ทั่วโลก) ทั้งหมด 88 แห่ง คิดเป็นพื้นที่รวม 1,121,739.83 ตารางเมตร

4. เฉพาะ Mac เท่านั้น
โปรแกรม MS Office เวอร์ชันแรกเปิดตัวเมื่อปี 1989 โดยมีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นฟลอบปี้ดิสก์และซีดีรอม และสามารถใช้กับระบบปฏิบัติการ “Mac OS” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเวอร์ชันสำหรับวินโดว์สของ Word, Excel, PowerPoint นั้นตามออกมาในปี 1990 (Microsoft Office 3.0)

5. พิเศษเฉพาะวินโดว์ส
เสียง เริ่มต้นของวินโดว์ส 95 นั้นถูกเรียบเรียงขึ้นเป็นพิเศษโดยนักแต่งเพลง Brian Eno และถูกบันทึกด้วยเครื่อง Apple Macintosh ส่วนเสียงที่ใช้ในวิสต้านั้นถูกเรียบเรียงโดย Robert Fripp อดีตมือกีต้าร์แห่งวง King Crimson

6. เกมตัวเลข II
ใน แต่ละวัน Microsoft Dining Service ซึ่งเป็นแผนกที่รับผิดชอบเรื่องการดูแลเรื่องอาหารกา รกินให้กับพนักงานในเรดมอนด์จะต้องเตรียมพิซซ่าไว้รอ งรับมากถึง 2,200 ชิ้น และในแต่ละปี พนักงานของไมโครซอฟท์จะบริโภคนม 4 ล้านกล่อง น้ำแร่ 7 ล้านขวด และชาผง 2 ล้านซอง

7. กว่า 12,000 วัน กับไมโครซอฟท์
Bill Gates ทำงานกับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 1975 จนกระทั่งเกษียณตัวเองไปเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2008 ในบริษัทที่ตัวเองก่อตั้งขึ้น ซึ่งคิดเป็นจำนวนวันทั้งหมด 12,139 วัน (รวมวันหยุดพิเศษและวันหยุดประจำสัปดาห์)

8. ปู่ทวดของวินโดว์ส
ระบบ ปฏิบัติการตัวแรกของไมโครซอฟท์มีชื่อว่า “Xenix” โดยทายาทของ Unix ตัวนี้ถูกเปิดตัวสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 1980 โดย Bill Gates ต้องการที่จะผลักดันให้มันเป็นมาตรฐานของระบบปฏิบัติ การสำหรับพีซี แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะ Xenix จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดดิสก์และหน่วยความจำในการทำงานถึง 256KB ซึ่งในขณะนั้นเครื่องพีซีจะมีหน่วยความจำสูงสุดแค่ 64KB ในขณะที่ฮาร์ดดิสก์ก็ยังมีราคาแพงมาก

9. ปุ่ม Save ที่ผิดพลาด
เคย สังเกตไหมว่ามีอะไรผิดปกติกับไอคอน “Save” ในโปรแกรม Office เวอร์ชันก่อนหน้า 2003 ทั้งหมด ... คำตอบคือ ช่องอ่านแผ่นบนแผ่นเหล็กที่เลื่อนไป-มาได้ถูกวางไว้สลับด้านกัน

10. 16 พันล้านชุดข้อมูลบน Excel
ตาราง ทำงานของ Excel 2007 รองรับข้อมูลได้ถึง 16,000 คอลัมน์ กับอีก 1 ล้านแถว หรือคิดเป็นจำนวนมากถึง 16,000,000,000 ชุดข้อมูลในหนึ่งตารางเลยทีเดียว

กินเบียร์ ก็ช่วยรักษาต้อได้นะ


ต้อ กระจก เป็นปัญหาเรื้อรังของคนไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะแดดบ้านเราแรง นอกจากต้องระวังมะเร็งผิวหนังแล้ว ยังต้องระวังรังสีอัลตราไวโอเล็ตที่จะไปทำปฏิกิริยากับเลนส์ตา แล้วเกิดต้อกระจกขึ้นอีกด้วยนอก จากจะต้องเลี่ยงแสงแดดแรงๆ คือประมาณช่วงเวลา 11.00 - 15.00 น.แล้ว ก็ควรรับประทานอาหารที่มีสารป้องกันการเกิดต้อกระจกในปริมาณสูงไปด้วยพร้อม กัน มีผลวิจัยหนึ่งระบุว่า การดื่มเบียร์สัก แก้วสองแก้วอาจป้องกันต้อกระจกได้ คอเบียร์ได้ยิน คงหาโอกาสดื่มเบียร์กันบ่อยขึ้น แต่พึงสังวรณ์ว่าแค่แก้วสองแก้วต่อวันเท่านั้น และต้องเป็นเบียร์เอลที่เกิดจากการหมักกับเชื้อยีสต์ หรืออาจเป็นเบียร์ดำที่มีสารล้างพิษจำนวนมากป้องกันโรคหัวใจด้วย

นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาได้นำหนูมาทดลองพบว่า สารประกอบในเบียร์ช่วยป้องกันเซลล์ตาได้ ซึ่งเซลล์นี้หากถูกทำลาย จะทำให้เป็นต้อกระจกที่การผ่าตัดรักษาแพงและยังมีความเสี่ยงสูง

อย่าง ไรก็ตาม ยังมีอาหารอีกมากที่ช่วยป้องกันต้อกระจก เช่น พืช ผัก ผลไม้หลายชนิดที่มีวิตามินซี เช่น มะม่วง มะขามหวาน ส้มเขียวหวาน ผักใบเขียวบางชนิดเช่น ดอกขี้เหล็ก บร็อคโคลี มะระ พริกและผักหวาน รวมทั้งน้ำมันพืชที่มีวิตามินอีสูง เช่น น้ำมันปาล์มโอเลอิน น้ำมันรำข้าว เป็นต้น

ผลการศึกษาทางการ แพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า การรับประทานผักผลไม้บ่อยๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกน้อยกว่าคนที่ไม่ชอบรับประทานถึง 4 เท่าครึ่ง

ที่มาของตู้เย็น



ตู้เย็น (Refrigerator)


ชา วกรีกและชาวโรมันโบราณเป็นผู้คิดประดิฐ์ตู้เย็นขึ้นมาครั้งแรก ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อใช้เก็บเนื้อสัตว์และอาหารหลายชนิดไว้ได้โดยไม่บูด เน่า ด้วยการขุดหลุมลงในพื้นดิน กรุผนัง ปูพื้นหลุมด้วยท่อนซุงที่หุ้มด้วยฟางข้าวอย่างแน่นหนาจนรอบหลุม แล้วจึงไปขนย้ายหิมะขาวโพลนบนยอดเขา ลงมาใส่ลงในหลุมนั้น กดบีบหิมะให้แน่นจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ก้อนหิมะน้ำแข็งภายในหลุม สามารถคงความเย็น คงรูปได้นานหลายเดือนดังนั้น หลุมนี้จึงเป็นหลุมเย็นไว้เก็บเนื้อสัตว์และอาหารต่าง ๆ เป็นการถนอมอาหารไว้กินในยามยาก ในปี ค.ศ.1913 จากความคิดดังกล่าว ตู้เย็นรุ่นแรกสำหรับใช้ในครัวเรือนก็ถูกผลิตออกมา มีชื่อว่า "โดเมลรี" ที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตู้เย็นโดเมลรีนั้นทำด้วยไม้ มีเครื่องทำความเย็นอยู่บนตัวตู้

สุนัขถอนหายใจ เพราะอะไร


สุนัขถอนหายใจ เป็นภาษากายอย่างหนึ่ง
เขา จะถอน หายใจเมื่อเวลาที่เขาต้องการจะทำอะไร หรือ มีความต้องการบางอย่าง แต่ไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ กำลังถูกขัดใจ ถูกบังคับให้ทำอะไรบางอย่าง เป็นต้น เมื่อไม่ได้ดั่งใจ และหมดความพยายามที่จะยื้อ ฝืนต่อ ก็จะถอนหายใจ เมื่อถอนหายใจ ภาวะอารมณ์จะเปลี่ยนทันที ท่าทางเปลี่ยน สีหน้าเปลี่ยน แววตาเปลี่ยน เปลี่ยนไปในทางที่สงบลง ผ่อนคลายลง และยอมจำนนกับสถานการณ์นั้นๆ และล้มเลิกความพยายาม เหมือนกับสื่อสารว่าเขา "ปล่อยวาง" "ช่างมันเถอะ" "ยอมก็ได้" ประมาณนั้น
เช่น สุนัขอยากจะไปเห่าสุนัขตัวอื่นที่เดินผ่าน แต่ใส่สายจูงสุนัขไว้ และไม่ยอมให้หันมองตามสุนัขตัวนั้น สุนัขทีเขาปรับพฤติกรรมก็จะขัดขืน ต่อต้าน พอสุนัขต่อต้าน เราก็จะกระตุกสายจูงหรือ ฉกเตือนทันที สักพักสุนัขจะยอม ไม่ขัดขืนอีก และยอม พร้อมกับถอนหายใจหนึ่งเฮือก

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของผู้หญิงที่ผู้ชายอยากรู้...แต่ไม่กล้าถาม (อยากรู้จริงๆนะ)




1. เวลาผู้หญิงเข้าห้องน้ำ จะเปิดซิปกระโปรงหรือถลกเอา?

ตอบ : แล้วแต่สะดวก แต่ส่วนมากถลก
2. ผู้หญิงสวมกระโปรงยาวเป็นคนเรียบร้อยใช่ไหม?
ตอบ : ไม่เสมอไป อาจเป็นแฟชั่น

3. มีเสื้อผ้าเต็มตู้ จนไม่มีช่องว่างให้แมลงสาบหายใจ แต่ทำไมยังบอกว่าไม่มีอะไรจะใส่?

ตอบ : ก็หาที่ถูกใจกับอารมณ์วันนี้ยังไม่ได้ หรืออาจจะเรียกให้ดูดีหน่อย อาจจะบอกว่า เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละวัน หรือว่าแฟชั่นช่วงนั้นๆ
4. ทำไมผู้หญิงต้องมุ่งมั่นเอากับการทำให้ผมตรงเรียบ แบบเอาเป็นเอาตายด้วย?
ตอบ : แล้วจะให้มันยุ่งทำไมละ

5. สวมร้องเท้าส้นสูงแหลมๆ ทำไมถึงทรงตัวได้?

ตอบ : เป็นพรสวรรค์ตั้งแต่ชาติก่อน
6. เจ้ามาสคาร่านะ มันจะทำให้คุณดูดีขึ้นเหรอ?
ตอบ : โคตรๆ ถ้ายาวทิ่มตาผู้ชายได้ จะแฮปสุดๆ
7. น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตเลยหรือ?
ตอบ : ไม่ใช่แค่น้าหนัก แต่รวมถึงเอว ตะโพก พุง ต้นแขน ต้นขา และรอบคอ
8. ต้องการอะไร ทำไมไม่พูดตรงๆ และทำไมต้องคิดว่าผู้ชายต้องเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้าด้วย
ตอบ : อ้าว ไม่รู้นี่ว่าผู้ชายไม่ฉลาด
9. เวลาคนอุ้มท้อง นอนหงายหรือนอนตะแคง?
ตอบ : ทั้งสองอย่าง แล้วแต่ความเมื่อย

10. ทำไมต้องเติมแป้งที่ใบหน้าอยู่ตลอดเวลา

ตอบ : อยากสวย

11. เป็นโสดทำไม?

ตอบ : ที่หาได้ก็ไม่ดี ที่ดีๆ ก็หาไม่ได้

12. ผู้หญิงตายด้าน มีหรือเปล่า?

ตอบ : ผู้หญิงที่ตายด้านก็เพราะคำตอบข้อ 11 นั่นแหละ

13. ทำไมต้องมีร้องเท้าหลายสิบคู่ด้วย มันต่างกันยังไง?

ตอบ : ทำไมผู้ชายถึงชอบมีเมียที่ละหลายคน มันต่างกันยังไง

14. ทำไมฝีมือการขับรถของผู้หญิงไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย?

ตอบ : ก็เพิ่งรู้ตอนคุณถาม แต่ผู้หญิงก็ไม่ได้เมาแล้วขับ เอ๊อๆๆๆ

15. ทำไมผู้หญิงชอบกินผลไม้ดอง?

ตอบ : แล้วทำไมผู้ชายชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่

16. เวลาคุณเสยผมแปลว่าเชิญชวนใช่ไหม?

ตอบ : ไม่ว่ากันถ้าจะคิดอย่างนั้น ขนาดผู้หญิงด่าคุณ ยังหาว่า ผู้หญิงชอบ

17. กระเป๋าสะพายราคาเป็นหมื่นๆ นั้น มันวิเศษยังไง?

ตอบ : แล้วสุราราคาแพงๆ ทำไมคุณบอกว่าอร่อยกว่าราคาถูก ทั้งๆ ที่ดื่มแล้วก็เมาเหมือนกัน

18. กลัวลิปสติกเลอะเวลากินข้าว แล้วทำไมต้องทาก่อนออกไปกินข้าวด้วย?

ตอบ : คำตอบเดียวกันกับ คุณรู้ว่าเที่ยวผู้หญิง นอกใจเมีย เสี่ยงต่อการเป็นเอดส์ แล้วทำทำไม

19. ส้มตำเป็นยาอายุวัฒนะเหรอ?

ตอบ : ก็อยากผอม สวย และเอาใจผู้ชายอย่างคุณไง

20. ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้น เพราะอยากอวดให้ผู้ชายเห็นเรียวขาหรือเปล่า?

ตอบ : ใช่ ไม่ได้แค่อวดกับผู้ชายนะกับผู้หญิง ถ้าฉันขาสวย ฉันก็อยากอวดพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน

21. ในการปฏิบัติกิจพิเศษ ผู้หญิงสามารถรับได้สูงสุดกี่หนในคราวเดียว?

ตอบ : ผู้ชายทำได้กี่หนก็รับได้เท่านั้นแหละ ว่าแต่ทำได้หรือเปล่าเหอะ


22. เสื้อชั้นใน ตะขอหน้ากับตะขอหลัง มันต่างกันตรงไหน?

ตอบ : ตะขอหน้าสำหรับผู้ชายมือใหม่ ตะขอหลังสำหรับขั้นเทพ คุณละ ขั้นไหน
23. เวลามีรอบเดือน เจ็บปวดหรือเปล่า?

ตอบ : เจ็บปวด ไม่ทุกคนและก็ไม่ทุกครั้ง

24. คุณซักกางเกงในกันบ่อยแค่ไหน?

ตอบ : บ่อยเท่าที่จะทำได้ นุ่งซ้ำไม่ลงเหมือนคุณหรอก

25. ผู้ชายเก่งกับผู้ชายรวย อย่างไหนมีน้ำหนักกว่ากัน

ตอบ : ถ้าทั้งเก่ง ทั้งรวย น้ำหนักจะดีมากๆ

26. ทำไมคุณเดินช้อปปิ้งโดยที่ไม่เหมื่อย ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อกันเลย

ตอบ : เวลาที่คุณดื่มสังสรรค์กับเพื่อนคุณถึงสว่าง คุณไม่อยากเลิก ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่กลัวเมียเวลาเข้าบ้านบ้างหรือ

27. เพชรมันสวยยังไง ทำไมใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของกันหนักหนา

ตอบ : ก็มันสวยกว่าก้อนหินนี่

28. คุณนอนหลับท่าไหนกันบ้าง

ตอบ : ทุกท่าที่ทำให้หลับสบาย

29. จุดยุทธศาสตร์ของผู้หญิงน่ะ จริงๆแล้วมีตรงไหนบ้าง

ตอบ : ถามแฟนคุณจะดีที่สุด

30. คุณเคยช่วยตัวเองใช่ไหม

ตอบ : คุณถามเพราะไม่รู้จริงๆ เหรอ

31. ผู้หญิงบ้างคนทำอาหารไม่เป็นเลยจริงๆ หรือว่าแกล้งทำ

ตอบ : ทำน่ะ มันทำได้ แต่จะขาดรสอร่อย

32. ทำไมผู้หญิงวิตกจริตกันเอามากๆ

ตอบ : คุณเรียกว่าวิตกจริตแต่ผู้หญิงเรียกว่า กลัว

33. ทำไมผู้หญิงถึงได้ตั้งใจและเรียนเก่งกันนัก

ตอบ : ก็เพราะผู้หญิงขับรถไม่เป็นสับปะรดไง

34. ยามเข้านอน คุณสวมชุดชั้นในกันหรือเปล่า

ตอบ : แล้วแต่คน ส่วนมาก ไม่

35. ทำไมต้องรวบผมครึ่งเดียว

ตอบ : มันจำเป็นที่จะต้องรวบหมดด้วยเหรอ

36. ตอนสวมชุดเกาะอก เปิดไหล่ใส่เสื้อชั้นในกันหรือเปล่า

ตอบ : ใส่บ้าง ไม่ใส่บ้างแล้วแต่ชุด

37. ตอนสวมชุดว่ายน้ำ คุณสวมกางเกงในด้วยหรือเปล่า

ตอบ : คำตอบเดียวกับข้อ 36

38. เคยจินตนาการแบบอีโรติกกับผู้ชายที่กำลังอยู่ตรงหน้าบ้างไหม

ตอบ : ไม่เคยเพราะแค่เจอหน้าก็อารมณ์หดหมดแล้ว แต่ถ้ากับดารา ก็ไม่แน่

39. ชุดโชว์ร่องอกน่ะ อยากให้ผู้ชายดูใช่ไหม

ตอบ : คล้ายๆกับคำตอบข้อ 20

40. ทำไม ต้องอคติกับแม่สามีด้วย (กำลังจะคิดให้มี”วันแม่ยาย”)

ตอบ : อาจจะเพราะรักผู้ชายคนเดียวกันก็ได้มั้ง

41. เอ่อ ! ..คุณชอบท่าไหนมากที่สุด

ตอบ : ทำไมคุณไม่ถามว่าเกลียดท่าไหนที่สุด จะตอบง่ายกว่า
42. คุณจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนาเดียวกับผมได้ไหม

ตอบ : ได้ แต่คุณลองให้เหตุผลดีๆ มาซัก 3 ข้อ
43. ถ้ามาอยู่บ้านผู้ชายแล้ว ผู้หญิงเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านไหม

ตอบ : แล้วทำไมผู้หญิงต้องไปอยู่บ้านคุณด้วย

44. ทำไมผู้หญิงต้องเอาเป็นเอาตายกับวันครบรอบสารพัดวันด้วย

ตอบ : ที่จริงผู้หญิงทุกคนอยากจะรู้ว่าผู้ชายที่รัก จะรักและสนใจอะไร เกี่ยวกับตัวเธอบ้างไหม

45. ผู้หญิงเคยสวมกางเกงในกลับด้านกันบ้างไหม

ตอบ : เคย (โดยส่วนตัวไม่เคย)

46. กางเกงเป้าต่ำน่ะ ใส่สบายดีจริงๆหรือเปล่า

ตอบ : ก็สบายต่อสายตาผู้ชายไง
47. ทำไมต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลี้ยงทุกครั้งที่ออกเดท

ตอบ : ไม่ได้ตั้งใจ

48. คุณเคยดูหนังโป๊กันใช่ไหม

ตอบ : ใช่ ชอบด้วย
49. ระหว่างเครื่องสำอางกับอาหาร คุณให้อะไรเป็นที่หนึ่ง

ตอบ : เครื่องสำอาง

50. เคยแอบมองเป้าผู้ชายกันบ้างหรือเปล่า

ตอบ : ไม่มองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้รูดซิป

51. ทำไมต้องหวง เวลาที่คุณผู้ชายไปสังสรรค์กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน

ตอบ : ก็เพราะว่าไม่ได้ไปด้วยไง จริงๆ แล้วอยากไปด้วย

52. ทำไมชอบคิดจับผิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นเกย์

ตอบ : เพราะพวกเขาชอบเรียกพวกเราว่า ชะนี

53. คุณแอบชอบเพื่อนของแฟนบ้างไหม

ตอบ : จะชอบเข้าไปได้ยังไง อ้วนดำและขนาดนั้น

54. ทำไมเป็นนักสำรวจมือทองกันจัง ซ่อนอะไรไว้ตรงไหนหาเจอหมด

ตอบ : พรสวรรค์อีกนั่นแหละ

55. ผ่าท้องคลอด หมอผ่าตรงไหน

ตอบ : ใต้สะดือ

56. สวมถุงน่องข้างนอกหรือข้างในกางเกงใน

ตอบ : ข้างนอก (ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ)

57. ครีมทาหน้าขาวน่ะ ขาวจริงๆ หรือเปล่า

ตอบ : ถามพอนด์ส ดูสิคะ

58. ผู้หญิงอายุมากๆ ยังมีความรู้สึกทางเพศไหม

ตอบ : ถามญาติผู้ใหญ่คุณดูดีกว่าไหม

59. ทำไมชอบทำสีผมกันจัง ทำไมคิดว่าจะทำให้ดูดีขึ้น

ตอบ : คุณคิดว่าผมสีขาวกับสีดำ สีไหนดูดีกว่ากัน

60. ทำไมต้องหึงหวงอย่างไม่มีเหตุผล

ตอบ : คุณรู้ได้ไงว่าไม่มีเหตุผล เหตุผลมีเป็นพันๆ ข้อ แต่คุณไม่ยอมรับรู้ต่างหาก

61. ทำไมต้องให้โทรหาทุกวัน

ตอบ : จะได้รู้ไงว่าคุณมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

62. การไม่ปฏิเสธ คือการยอมรับหรือเปล่า

ตอบ : ใช่

63. การที่คุณโทรหาผม แสดงว่าคุณชอบผมเข้าแล้วใช่ไหม

ตอบ : เปล่า ฉันชอบเพื่อนคุณต่างหาก
64. คุณแอบชอบแฟนของเพื่อนหรือเปล่า

ตอบ : จะแอบชอบได้ยังไงมีแต่ผู้หญิง

65. การที่คุณเงียบ แปลว่าคุณยอมใช่ไหม

ตอบ : ยอม อาย ลังเล … แล้วแต่ขณะนั้นแต่อยู่ใน 3แบบนี้

66. คุณภูมิใจมากใช่ไหมที่มีรายได้สูงกว่าผู้ชาย

ตอบ : ทำไมไม่คิดให้มีมากกว่าผู้หญิงละ
67. ผู้หญิงแกร่ง ลึกๆ แล้วก็ต้องการผู้ชายใช่หรือเปล่า

ตอบ : ต้องการให้ได้ดั่งใจ
68. คุณร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า?

ตอบ : ร้องไห้เพราะเสียใจ ทุกข์ใจ ที่ทำไมผู้ชายดีๆ หายากจัง

69. ทำไมต้องถอนขนคิ้วด้วย

ตอบ : จุดประสงค์เดียวกับการโกนหนวดของผู้ชายนั่นแหละ

70. ทำไมไม่เคยเข้าใจผู้ชายเลย

ตอบ : แล้วคุณน่ะเคยเข้าใจผู้หญิงบ้างหรือเปล่า

71.เวลาเลือกเสื้อผ้า ไมผู้หญิงต้องจับเสื้อผ้าทุกตัวที่อยู่บนราวแขวน

ตอบ : ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากได้ทุกตัวที่อยู่ในร้านนั่นแหละแล้วคุณล่ะ เห็นด้วยไหม?

ตำนานผี ของมหาวิทยาลัย ในประเทศไทย (อาจเป็นมหาลัยคุณ)


ตำนานผีที่แต่ละมหา’ลัยต้องมีร่ำลือกัน อาจมีมหาลัยคุณก้อด้ายยย
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สถาน ที่เกิดเหตุ : ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีคู่สามีภรรยานักการฯ ของคณะสถาปัตย์ ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาควักปืนยิงสามีจนเสียชีวิต และมีเลือดสาดไปทั่วทั้งทางเดิน ต่อมาทางคณะมีการปรับปรุงพื้นบริเวณนี้ แต่แปลกที่เฉพาะทางเดินนี้เท่านั้นที่ปูนไม่ยอมแห้งส ักที ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันในทุก วันนี้ หรือที่ห้องซ้อมดนตรีไทย คณะครุศาสตร์ เวลาที่มีคนแอบเข้าไปนอนหลับในห้องซ้อมดนตรีไทย จะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปเดินมา และได้กลิ่นธูป เมื่อถามรุ่นพี่ๆ ว่าเป็นอะไร คำตอบคือ เป็นฝีมือของเจ้าที่ที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องท ี่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1


2. มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอเพชรรัตน์ หอเก่าแก่ในมหาวิทยาลัย ที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมีนักศึกษานอนอยู่ในห้อ งพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษาคนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่าน ไป

3. มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

สถาน ที่เกิดเหตุ : ชั้น15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีนักศึกษาหญิงถูกข่มขืนและถูกฆ่าตายที่ชั ้น15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้นนั้นคนเดียวใ นช่วงเย็น เพราะวันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือบางครั้งเข้าห้องน้ำแล้วมองออกไปที่กระจกก็จะเห็ นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใคร

4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สถาน ที่เกิดเหตุ : บริเวณป่ารกข้างหอ 9 หลัง เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน มีเรื่องเล่าว่า เคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนจนตายบริเวณนี้มาก่อน ทำให้บางคืนหากมีใครขับรถผ่านมา จู่ๆ รถก็จะกระตุกแล้วก็หยุดไปเลย เหมือนมีใครดึงรถอยู่ข้างหลัง เมื่อหันไปดูจะเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้

5. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

สถานที่เกิดเหตุ : โต๊ะตรงคณะอุตสาหกรรมในบริเวณนั้นมักมีคนได้กลิ่นหอมของดอกไม้โบราณหอมแบบ เย็นๆ นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงกระพรวนที่เท้าเด็กดังเหมือ นเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ หันไปหันมาจะเจอเด็กผมจุกนั่งอยู่บนต้นไม้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะเขาแค่อยากชวนเล่นด้วย หรือที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ดึกๆ จะมีคนเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินไปเดินมา อาจเพราะบริเวณนี้ของมหาวิทยาลัยเป็นรั้ววังตั้งแต่ส มัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆ ว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม้ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณ

6. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอพักนักศึกษามีหอหนึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคนและที่หอใน ชั้น 2 เคยมีนักศึกษาเสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนปิด ซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึง มีคนเพิ่งจะพบศพ แต่หลังจากนั้นก็มีคนเห็นว่านักศึกษา คนนี้ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำ หน้าห้องอยู่เลย

7. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท

สถาน ที่เกิดเหตุ : ลิฟต์ที่อาคาร 9 ใครที่ขึ้นลิฟต์นี้ตอนดึกๆ จะมีคนกดเรียกลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แต่จะรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ตอนนั้นให้รู้ไว้เลยว่าเป็นคนงานที่ตกลิฟต์ลงมาตาย แต่เค้าจะขอลงด้วยหรือที่วิทยาเขตรังสิต ก็มีตำนานแกรนด์คอนโด เป็นที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องผี ถ้าอยากเจอ กลางคืนให้หาเรื่องอยากกินนั่น นู่น นี่ แล้วเดินลงบันไดดู

8. มหาวิทยาลัยนเรศวร

สถานที่ เกิด เหตุ : คณะวิทยาศาสตร์ คำบอกเล่าจาก อ.คณะวิทย์ ว่าหลังจากที่มียามถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะ โดยที่ยามคนนี้ยังแวะไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอ บอยู่ดึกๆ ในตึกอีกด้วยอีกเรื่องเล่ารุ่นต่อรุ่นว่า ในวันบวงสรวงรับน้องใหม่ในปีหนึ่งมีน้องที่คณะพยาบาล เป็นลมเพราะเห็นกองทัพพระนเรศวรเดินทัพลอยมาจากบนฟ้า

9. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

สถาน ที่เกิดเหตุ : ศาลาเขียวคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มีศาลาประจำเอกคือ ศาลาเขียว ศาลานี้มีตำนานเล่าขาน ถึงที่มาของแผ่นป้ายที่ติดอยู่ ในศาลานั้นว่าทำมาจากต้นตะเคียน วันดีคืนดีจะมีผู้หญิงผมยาวๆ มานั่งอยู่เดียวดายในศาลา

10. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

สถาน ที่เกิดเหตุ : ลานจอดรถยนต์เก่า และป่าละเมาะลานจอดรถยนต์ข้างศูนย์บรรณาสาร (หอสมุด) นี้ว่ากันว่าเป็นแดนประหารเก่า และว่ากันมาว่ามีพนักงาน รักษาความปลอดภัยกะดึกคนหนึ่ งเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เสียงดังเกรียวกราวไปมา และถ้าดึกๆ ใครขับรถผ่านก็จะขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ

11. มหาวิทยาลัยรังสิต

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอชายเก่าที่หอชายเก่าในช่วงที่ใกล้จะสร้างหอเสร็จ มีการติดตั้งลิฟต์ และคืนนั้นมีคนงานกินเหล้ากันตามปกติ จนกระทั่งตี 1 มีคนงานคนหนึ่งตกลงไปที่ชั้นล่างใต้ลิฟต์แล้วปีนขึ้น มาไม่ได้ เพราะความเมา และคนงานคนนั้นก็เลยถูกลิฟต์ทับ ในเวลาต่อมาหลังจากที่หอเปิดได้ไม่นานก็มีนักศึกษาเข ้าอยู่เต็ม และหอนี้ไม่เคยปิดเป็นเวลา จึงมีนักศึกษาเข้า-ออกเป็นประจำ จนตี 2 ของคืนหนึ่ง มีนักศึกษากลับมาจากข้างนอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ตามปกติ หลังจากกดชั้นที่พัก ลิฟต์ก็เคลื่อนที่ไปได้สักพักแล้วก็หยุด พร้อมๆ กับไฟดับและมีเสียงร้องดังออกมาข้างนอก จากนั้นลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมฝุ่นตลบ มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนว่าอย่ายืนทับที่ หลังจากนั้นก็มีการทำบุญหอกันมาทุกๆ ปี

12. มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง

สถาน ที่เกิดเหตุ : ห้องน้ำในหอนักศึกษา เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาว่า มีหญิงสาวถูกฆ่าตายภายในห้องน้ำ ศพของเธอนอนคว่ำอยู่ในอ่างน้ำสีแดงฉาน แล้วหลังจากนั้นก็มีนักศึกษาสาวเข้าพักในหอพักแห่งนี ้ ทำให้เจอเข้ากับเหตุการณ์อันไม่คาดคิด ช่วงเวลาประมาณตี 1 ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น เธอตัดสินใจไปอาบน้ำเพื่อปลุกให้ตื่นมาอ่านหนังสือต่ อ ในขณะที่เธอกำลังสระผมนั้น คลำดูกี่ทีๆ ก็ยังพบว่าหัวของเธอนั้นยังลื่นอยู่ เธอจึงตัดสินใจล้างน้ำรอบแล้วรอบเล่า พอเธอเงยหัวขึ้นมองบนเพดาน กลับเห็นผีกำลังหยอดแชมพูลงบนหัวเธอและยื่นมือมาสระผ มให้อีกด้วย



13. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สถาน ที่เกิดเหตุ : ลิฟต์แดง คณะศิลปศาสตร์ ลิฟต์นี้มีตำนานเล่ากันว่าตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลา ลิฟต์นี้ถูกใช้เป็นเครื่องช่วยชีวิตนักศึกษา เพื่อหนีไปยังชั้นอื่นๆ แต่พวกเขาคิดผิด เพราะเมื่อพวกเขาเข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด พวกเขาโดนทหารยิงทันที จนคราบเลือดเปรอะเปื้อนทั่วลิฟต์ไปหมด หลังจากเหตุการณ์นี้ ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะใช้ลิฟต์มากนัก เพราะมีคำร่ำลือกันว่า ลิฟต์ตัวนี้มีวิญญาณของรุ่นพี่นักศึกษาสิ่งสถิตอยู่ หรือในช่วงเย็นจะไม่มีใครกล้าเดินผ่านเลย และจะไม่มีใครกล้ามองเข้าไป เพราะเคยมีคนเห็นภาพศพที่เต็มไปด้วยกองเลือดนอนทับๆ กันอยู่ในลิฟต์แดงตัวนี้เป็นจำนวนมาก

14. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอพักอาคาร 5 คืนหนึ่งของ long weekend ที่เด็กกลับบ้านเกือบหมดหอ เล่ากันว่ามีนักศึกษาที่มีอาการ ทางประสาท คนหนึ่ง เครียดเรื่องเรียนจนคลุ้มคลั่ง และฆ่าตัวตายด้วยวิธีการกรีดข้อมือ หลายวัน ผ่านไป มีรูมเมตมาพบศพ ในสภาพศพขึ้นอืด ศพนั้นโกนหัวและนิ้วมือถูกตัดออกหมดด้วย ต่อมาทางมหาวิทยาลัย ได้สั่งให้ปิดหอชั่วคราว และปิดเร ื่องนี้ โดยนิมนต์พระมาสวดหลายครั้งแต่ก็ยังมีเสียงร้องไห ้และ เสียงกรีด ร้องในตอนดึกอยู่ จนหลายปีผ่านไปหอนี้ก็ทำการเปิดให้นักศึกษาเข้าพักอี กครั้ง มีนักศึกษาคนหนึ่ง ได้ยินเสียงบางอย่างจากลิ้นชักโต๊ะ ที่ล็อกอยู่ และเริ่มสะเทือนแรงขึ้น เธอได้แต่นั่งตะลึงมองลิ้นชักที่สะเทือน ตามแรงที่ดัน ออกมา จนในที่สุดก็เปิดออก! มือที่ไม่มีนิ้วเกาะอยู่ที่ขอบลิ้นชัก แล้วหัวที่ไม่มีผมก็โผล่ออกมา แล้วก็พูดว่า…”โนบิตะ นายล็อกลิ้นชักทำไม!!

วิตามิน ต่อต้านริ้วรอย




ผิว หนังเป็นปราการภายนอกที่สำคัญ ในการปกป้องอวัยวะภาพในร่างกายอื่นๆ ซึ่งผิวหนังจะต้องสัมผัสกับมลพิษเหล่านี้ อยู่ตลอดเวลา และเป็นด่านแรกที่สแดงให้ทราบถึงความผิดปกติ ความร่วงโรยของผิว ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปรากฏการณ์ลูกโซ่ทางธรรมชาติ วิ่งในวัยทีสูงขึ้น ด้วยแล้ว การทำงานของเซลล์เสื่อมทำให้ผิวพรรณสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยและผิวหนังเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น


สารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนังมีอะไรบ้างเราลองไปดูกันคะ
Vitamin Cโดย ปกติจะอยู่ในรูปของกรดแอสคอบิค ซึ่งอยู่ในอาหารที่รับประทาน ผลไม้ ผักใบเขียว อาทิเช่น ส้ม ฝรั่ง องุ่น กะหล่ำปลี ฯลฯ กรดแอสคอบิคนี้ ไม่มีความคงตัว สบายได้ง่าย เมื่อถูกอากาศ ความร้อน แสง และปริมาณที่ร่างกายได้รับ ต่อวัน ประโยชน์ของวิตามินซี จะกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทำให้เม็ดสีเมลานินจางลง ผิวพรรณสดใส บรรเทาอาการอักเสบของผิวเมื่อถูกแสงแดด

Coenzyme Q10
คือ โมเลกุลเล็กๆ ที่มีอยู่ในเซลล์ร่างกายตามธรรมชาติ หน้าที่หลักคือ เปลี่ยนแปลงสารอาหารที่เซลล์รับเข้าไให้เป็นพลังงานในรูป ATP ประการที่สองคือ ช่วยในการสลายประจุของอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของความชรา โมเลกุลขนาดเล็ก จะสามารถซึมซาบผ่านเข้าไปในเซลล์ของผิวหน้า ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิว ลดริ้วรอยรอบๆ ดวงตา สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับของโคเอนไซน์ คิวเทน ลดลง เช่นวัยที่สูงขึ้น ความเครียด และการใช้ยาบางชนิด

Retinol
อนุมูล บริสุทธิ์ของวิตามินเอ สามารถซึมผ่านเซลล์ของผิวหนังชั้นนอก ลงไปจนถึงเซลล์ชั้นล่าง ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวหน้ามีความนุ่มเรียบเนียนลื่น และมีความยืดหยุ่น

Hyaluronic Acidเป็น สารที่มีอยู่แล้ว ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พบเป็นปริมาณสูงในผิววัยเยาว์ และจะเสื่อสลายไปเนื่องจากอนุมูลอิสระ มลภาวะ และแสงแดด ในผิวของคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป จะมีปริมาณของไฮละลูโรนิกน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวที่ขาดความยืดหยุ่นและเริ่มเกิดริ้วรอย การใช้เครื่องสำอางที่มีสารประกอบชนิดนี้อยู่ จะทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เต่งตึง และเนียนนุ่มขึ้น ยิ่งให้ควบคู่กับส่วนผสมของสารชุ่มชื้นอื่นๆ เช่น วิตามินอี9 โจโจ้บาออย และวิตามินซี จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น

คุณค่าของสารบำรุง ต่างๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ประกอบกับวิทยาการทันสมัย นำสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในรูปของเครื่องสำอางประทินผิว ที่สามารถต่อต้านริ้วรอยอย่างได้ผล

8 ทำให้ดื่มน้ำง่าย





1.ดื่มน้ำให้เหมือนเป็นกิจวัตร พยายามดื่มน้ำทุกเช้าหลังตื่นนอนให้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการดื่มน้ำตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากดื่มน้ำมากไปตลอดทั้ง วัน ทั้งยังช่วยเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย

2.บีบน้ำมะนาวใส่นิด ๆ หากคุณรู้สึกแปลก ๆ กับรสชาติที่จืดชืดของน้ำเปล่า ขอแนะนำให้คุณหามะนาวมาบีบลงไปในน้ำเปล่าซักเล็กน้อยก่อนดื่ม เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับน้ำ


3.ทำให้มันใสอยู่เสมอ หมั่นตรวจดูปัสสาวะของคุณหลังเสร็จธุระ เพื่อให้มั่นใจว่ามันยังใสอยู่เสมอ เพราะความใสนั้นเหมือนเป็นดัชนีวัดว่า ร่างกายของคุณได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่เมื่อไรก็ตามที่ปัสสาวะของคุณมีสีเหลืองเข้ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ


4.ถ้าร้อนนัก ก็ดื่มซะ เมื่อคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เดือดดาล ขอแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น เพราะบางครั้งการเลือกเครื่องดื่มก็เป็นเรื่องของจิตวิทยา การที่คุณได้ถือเครื่องดื่มอุ่น ๆ สักแก้วไว้ที่มือ อาจช่วยให้คุณลดอารมณ์เดือดดาลลงได้มากกว่าเครื่องดื่มปกติ ยิ่งกว่านั้น ในกาแฟและน้ำชายังมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มอัตราการกำจัดน้ำออกจากร่างกายของคุณ ในรูปของปัสสาวะ


5.ดื่มน้ำเมื่อคุณถูกความตะกละจู่โจม บางครั้งความรู้สึกหิวของคนเราก็เป็นความกระหายแบบหลอก ๆ หรือแค่รู้สึกตะกละเท่านั้น ดังนั้นคุณสามารถแก้อาการนี้ได้ด้วยการหาน้ำดื่มซัก 1- 2 แก้ว เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้กินอะไรรองท้อง


6.เริ่มปฏิบัติจากขั้นตอนง่าย ๆ อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำได้ จากหน้ามือเป็นหลังมือ คือจากคนที่ไม่ดื่มน้ำเลยมาดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่คุณควรเริ่มจากการดื่มน้ำ 1 แก้วในตอนเช้าของวัน ตามด้วยการดื่มน้ำอีก 1 แก้วก่อนนอนจนเป็นนิสัย จากนั้นค่อยๆเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำระหว่างวันให้มากขึ้น


7.ถูก และ ถูก อย่าลืมว่า น้ำดื่มตามภัตตาคารนั้นมีให้บริการฟรี แบบไม่อั้น


8.หมั่นหาแก้วน้ำที่มีน้ำเต็มแก้ว 1 ใบมาวางไว้ข้างตัวคุณเสมอ ขณะคุณกำลังทำงาน เพราะมันจะทำให้คุณสะดวกต่อการหยิบขึ้นมาจิบไปเรื่อยๆ ขณะทำงานโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องสุมหัวคิดงานกับเพื่อน ๆ หรือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหากคุณไม่ต้องการให้มือของคุณอยู่ว่าง

ผู้ชายทำไมชอบมี กิ๊ก...?




สารพัดคำแนะนำสำหรับสาวๆ จากมุมมองของผู้ชาย
Q: ดิฉันมีเพื่อนผู้ชายอยู่คนหนึ่ง มีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน แต่ก็เห็นมีกิ๊กเบี้ยใบ้รายทางไปเรื่อย เห็นแล้วขยาดที่จะมีแฟนเลยค่ะ อยากรู้จริงๆ ทำไมผู้ชายถึงชอบมีกิ๊กระหว่างที่มีแฟนแล้ว ถ้าเบื่อก็เลิกกันไปก่อนก็ได้ ทำไมไม่คบทีละคนคะ

A: ใจเย็นๆ ครับ อย่าเพิ่งถอดใจไป ผู้ชายที่คบแฟนทีละคนก็มีครับ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าผู้ชายจะเป็นกันอย่างนี้ไปซะหมด แต่ก็มีหนุ่มหลายคนที่คบหลายคนในเวลาเดียวกัน เหตุผลก็ง่ายๆ เลยครับ
1. ผู้ชายเป็นเพศที่ชอบความเสี่ยง เหมือนกับการเล่นการพนัน มันสนุกตื่นเต้น เร้าใจในการคบทีละหลายคน และสับรางไม่ให้ถูกจับได้ แถมสิ่งที่ได้ตามมาคือการมีเซ็กส์แบบไม่ซ้ำกันด้วย
2. เป็นไปได้ว่าการมีกิ๊กของผู้ชายอาจมาจากการเบื่อแฟน แต่ยังไม่อยากเลิก หรือไม่อยากเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน พฤติกรรมของพวกเขาจะชอบหาเรื่องทะเลาะและหายหน้าไปหลายวัน เพื่อที่จะไปอยู่กับกิ๊กนี่แหละ
3. การที่ผู้ชายมีกิ๊ก จะทำให้ดูเจ๋งในหมู่เพื่อนชายด้วยกัน ว่าสามารถมีสาวทีละหลายๆ คน อันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ล่ะครับ
4. ผู้ชายบางคนกลัวการผูกมัดขึ้นสมอง เลยพยามมีผู้หญิงทีละหลายๆ คนเพื่อโชว์ว่าเค้ายังไม่พร้อมที่จะผูกมัดหรือจริงจังกับใคร อย่างนี้คนที่เป็นแฟนก็ต้องทำใจหน่อยล่ะครับ
5.ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่เลิกกับแฟนของตัวเอง เพื่อ ไปคบกับกิ๊กแบบจริงจังหรอกครับ ถ้ามีก็น้อยมาก เพราะไม่มีใครกล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนหลายใจ ถึงขนาดต้องเลิกล้มความสัมพันธ์ไปในที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

ที่มา
chicministry.com/

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ก่อนตรวจภายใน ควรทำอะไร...



คุณ ผู้หญิงหลายคนมักกังวลเมื่อต้องมีนัดกับคุณหมอสูตินารี เพื่อตรวจภายใน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อตรวจเช็คความปกติของมดลูกและมะเร็งปากมดลูก อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- ทำความสะอาด
ก่อนไปตรวจควรทำความสะอาดภายนอก โดยใช้สบู่ธรรมดา ไม่ต้องใส่น้ำหอม แป้ง หรือฉีดสเปร์ย์ดับกลิ่น
- ไม่ควรไปตรวจช่วงมีประจำเดือน

- ไม่ควรสวนหรือล้างภายในช่องคลอด
เพราะอาจล้างเอาส่วนที่เป็นสาเหตุของโรคนั้นออกไป

- ไม่ควรโกนขน เพราะมีผลเสียต่อการตรวจได้เช่นกัน เช่น ทำให้หมอวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมบางอย่างไม่ได้ เพราะต้องอาศัยดูจากขนด้วย

- สวมกระโปรงหรือกางเกงหลวมๆ ที่สามารถถอดออกง่าย เพื่อความสะดวกในการตรวจ
- งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจ 

ท้องผูกได้อย่างไร


ท้องผูกมาจากอะไร
อึดอัดจริง.. ตั้ง 3 วันแล้ว ยังไม่ยอมถ่ายออกไปเสียที สาวๆ ที่กำลังมีอาการท้องผูก รู้ไหมว่าโรคผูกๆ นี้มีสาเหตุมาจากอะไร

    
1. ไม่สนใจอาหารเส้นใย
               อาหารที่มีเส้นใยมากๆ จะเป็นเหมือนไม้กวาดที่เข้าไปกวาดล้างของเก่าหมักหมมให้สลายตัวออกไปจากลำ ไส้ของคุณ ร่างกายต้องการเส้นใยวันละ 20-25 กรัม เพื่อช่วยในการขับถ่าย แต่ทุกวันนี้ ข้าวขาว ขนมปัง เบเกอรี่ ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มาแรงได้ใจสาวๆ ซะจนอาหารเส้นใยแทบไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดเลย ท้องน้อยๆ เลยผูกเอา ..ผูกเอา
    2. ความเครียด ศัตรูตัวร้าย
               ความเครียดจะทำให้ระบบทุกส่วนในร่างกายรวนเร ไม่เว้นแม้แต่ระบบขับถ่าย เพราะเมื่อเกิดความเครียด ลำไส้จะหยุดบีบตัวชั่วคราว ทำให้เบื่ออาหารพร้อมกับถ่ายไม่ออก เมื่อไรที่หยุดเครียด นั่นล่ะ .. ถึงจะกลับมากินง่ายถ่ายสะดวกเหมือนเดิม
     3. การกลั้นอุจจาระ
               ก็ร่างกายร่ำร้องว่าจะถ่ายแล้วกลับไม่ยอมให้มันได้ทำงานเอง แล้วจะไปโทษใครได้ถ้าร่างกายจะเกิดความเคยชิน ไม่บีบตัว และไม่ถ่ายไปซะดื้อๆ นอกจากนี้ อุจจาระเก่าๆ ที่คุณกลั้นไว้ก็จะถูกดูดน้ำออกไปทุกวันๆ ทำให้มันเป็นก้อนแข็ง อุดตันปิดกั้นการเคลื่อนตัวของของเสียในลำไส้ จึงยิ่งทำให้ท้องผูกถ่ายลำบากยิ่งกว่าเดิม
     4. ไม่ออกกำลังกาย
               การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหารที่ดีที่สุด เพราะการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจะทำให้กล้ามเนื้อลำไส้บีบตัวและเกิดการ ขับถ่ายของเสียออกมา คนที่นั่งหรือนอนทั้งวัน โอกาสที่ระบบขับถ่ายจะทำงานได้ดีก็ยากหน่อยนะ
  
     5. ทานยาระบายบ่อยครั้ง                ถ้าเป็นไปได้สาวๆ ไม่ควรจะใช้ยาถ่ายเลย เพราะการใช้สารแปลกปลอมเข้าไปช่วยในการระบาย จะไปสร้างความเคยชินให้กับลำไส้ ทำให้หยุดทำงานตามปกติ และจะบีบตัวขับถ่ายอุจจาระก็ต่อเมื่อกินยาเข้าไปกระตุ้นเท่านั้น คนที่ใช้ยาถ่ายติดต่อกันนานๆ จึงจะมีปัญหาท้องผูก ถ่ายเองไม่ได้ถ้าไม่ได้ทานยา 

โยเกิร์ตระงับกลิ่นปากได้


โยเกิร์ตระงับกลิ่นปาก
    ใครว่ากลิ่นปากเป็นเรื่องเล็ก
จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลให้บุคลิกของคุณติดลบได้ง่ายๆ ต่อรูปให้สวย รวยทรัพย์ แต่ปากเหม็น เสน่ห์ทุกอย่างก็หมดกันค่ะ งานนี้"คุณเคนอิชิ โฮโจ" และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึรูมิ ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัยและพบว่าแบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ต โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิด Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus อาจมีผลต่อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นในปากคนเราได้ โดยจากการทดลองพบว่าการกินโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละ 6 ออนซ์ (ประมาณ 1 ถ้วย) จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก อย่างเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟต์ นอกจากนี้ในบรรดาผู้ที่ชอบกินโยเกิร์ตนั้นจะมีปริมาณคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน (plaque) และอาการของโรคเหงือกอักเสบน้อยกว่าคนทั่วไปอีกด้วย     รู้อย่างนี้แล้วหนุ่มๆ สาวๆ รีบซื้อโยเกิร์ตมานกันได้แล้วค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยลดกลิ่นปากแล้ว ยังจะช่วยให้ผิวดีอีกด้วยนะ แหม....ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงนกถึงสองตัว...

9 ข้อ สมองดีไม่มีเดี้ยง



ง่ายๆ 9 ข้อ สมองดีไม่มีเดี้ยง

1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมอง ประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2. กินไขมันดี

คน ไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลัง จากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ

การ ตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรม เราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเ สมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ

ทุก ครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไป เรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน

สิ่ง ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน

ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal

ฝึก เขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึกๆ

สมอง ใช้ออกชิเจน 20-25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอา ออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20%

โรคกรดไหลย้อน ที่คนทำงานออฟฟิศควรรู้จักไว้

สำหรับมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่ตั้งตนเป็นสาวก Workaholic ทุกเวลาทุ่มเทให้กับการงานนั้น อาจจะเคยเจอภาวะ เรอเปรี้ยว ปวดแสบ ๆ แถวหน้าอกหรือตรงลิ้นปี่ กันมาบ้าง เลยพาลให้นึกไปว่า นั่นไง ... โรคกระเพาะเล่นงานแล้วไง จากนั้นก็อาจจะไปซื้อยาลดกรด (Antacids) มารับประทานเพราะคิดว่าน่าจะหาย
แต่ระวังนะครับ คุณอาจจะกำลังเข้าใจผิดก็ได้ เพราะว่าโรคกรดไหลย้อนนั้นก็มีอาการคล้ายคลึงกับโรคกระเพาะเช่นเดียวกัน

ซึ่ง "โรคกรดไหลย้อน" (
GERD) นั้นมีเป็นภาวะ ที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร โดยของที่ไหลย้อนส่วนใหญ่จะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนน้อยอาจเป็นด่างจากลำไส้เล็ก โดยอาจมีหรือไม่มีหลอดอาหารอักเสบก็ได้

ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่ชอบกินจุบกินจิบ กินอาหารไม่เป็นเวลาและเร่งรีบ รวมถึงผู้ชอบอาหารรสจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงสูง

โดยจะแสดงออกผ่านอาการเหล่านี้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ

บางรายอาจมีอาการแสดงออกนอกหลอดอาหารได้ เช่น อาการทางปอด หรืออาการทางคอและกล่องเสียง ทำให้เสียงแหบเรื้อรัง มีไอเรื้อรัง มีกลิ่นปาก หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้

วิธีการรักษานั้นสามารถใช้ยาลดกรดในกลุ่ม Proton pump inhibitors ติดต่อ กัน 6 - 8 สัปดาห์แต่บางรายอาจจะต้องใช้นานเป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้แล้วแต่ความมาก น้อยของอาการที่เป็น ซึ่งการใช้ยานั้นควรจะอยู่ในความดูแลของแพทย์ ไม่แนะนำซื้อยามารับประทานเองนะคะ

แม้ว่าโรคนี้นั้นไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงขึ้นขั้นทำให้เสียชีวิต แต่ว่าอาจจะสร้างความยุ่งยากในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ป่วยมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง คุณภาพชีวิตก็แย่ลงด้วย เพราะ

ฉะนั้น เมื่อมีอาการผิดปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการ รักษาที่ถูกวิธีนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดี ชีวิตที่ดีของตัวเราเองครับ

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ของขวัญ 10 แบบที่ห้ามให้



น้ำหอม
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะมีหลายคนที่เขาเชื่อ เขาแอบกระซิบบอกมาว่า ห้ามให้แฟนซื้อน้ำหอมให้เด็ดขาด เพราะความรักของคุณอาจจะจืดจางเหมือนกับกลิ่นของน้ำหอมที่จางหายไปตามกาลเวลา


รองเท้า
ข้อนี้ยิ่งเด็ด เพราะมีประสบการณ์ตรงมาอ้างอิง โดยใครมีแฟนรีบเอาไปให้อ่านเลย เขาว่ากันว่าหากแฟนซื้อรองเท้าให้จะทำให้เลิกกัน เพราะรองเท้ามันต้องอยู่เป็นคู่ คนที่เป็นแฟนกันแต่ยังไม่ได้อยู่กันเป็นคู่ รองเท้าจึงเป็นอาถรรพ์ที่อาจจะทำให้เลิกกันได้ เรื่องนี้ขอบอกว่าเคยเกิดขึ้นกับหลายคนนะ ที่แฟนซื้อรองเท้าให้ตอนคบกัน 4 - 5 เดือน หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ แฟนก็ขอเลิกเลย


เสื้อผ้าชุดดำ
อัน นี้น่ากลัวมากๆ เขาห้ามให้เสื้อผ้าชุดที่มีสีดำเป็นของขวัญโดยเด็ดขาด เพราะ คนโบราณเขาถือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าคลุม ผู้หลักผู้ใหญ่จะสอนอยู่เสมอว่า ถ้าเราให้ชุดดำใคร เราจะต้องได้ไปงานศพของคนนั้น..เวรกรรม..


นาฬิกา
อัน นี้มาแนวถือเคล็ดซะมากกว่า เพราะ หลายคนเชื่อหนักหนาว่า หากแฟนซื้อนาฬิกาให้ จะทำให้ระยะเวลาที่คบกัน อาจจะต้องหยุดลงเมื่อนาฬิกาเรือนนั้นหยุดเดิน ไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม..โอ้แม่เจ้า..


รูปถ่าย
อีก สิ่งหนึ่งที่ห้ามให้เด็ดขาดนั้นก็คือ รูปถ่ายเดี่ยวๆ ของตัวเอง เพราะมันเปรียบเสมือนการให้รูปที่ระลึกไว้ดูต่างหน้าเวลาจากกัน อาถรรพ์นี้หลายคนเจอมาแล้ว หากใครไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลีกเลี่ยงเด็ดขาด..อะจึ๋ย..


ผ้าเช็ดหน้า
ความหมายตรง ตัวมากๆ ผ้า เช็ดหน้าส่วนใหญ่เขาไว้ใช้ทำอะไร คนรับของขวัญก็จะต้องใช้ทำอย่างนั้นหละ..ซึ่งได้ข่าวมาว่า ผ้าเช็ดหน้า ส่วนใหญ่จะใช้เช็ดน้ำตาซะด้วย..ดังนั้นใครไม่อยากที่จะต้องเสียน้ำตา ต้องเลี่ยงให้ของขวัญเป็นผ้าเช็ดหน้านะครับ..


ของมีคม อัน นี้คงไม่เชิงความเชื่อ เพราะ มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้แน่นอน แต่เชื่อไว้ก็ไม่เสียหลายนะ พวกของมีคม อาวุธ ดาบ ของเล่น โมเดลต่างๆที่มีคมอย่านำเป็นของขวัญ เพราะจะทำให้ผู้รับได้รับอันตราย มีภัย โชคร้าย ไปด้วย


หวี
แฟน เพื่อน มิตรสหายทั้งหลายฟังทางนี้ เพราะถ้าเรามอบหวีให้กับแฟน หรือเพื่อนคนไหน จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราและเขาต้องห่างกันเหมือนซี่ของหวีนั้นเอง


เข็มกลัด
ภาย นอกอาจจะดูสวย แต่ภายในแฝงไปด้วยความหมายที่น่าเจ็บปวด เพราะเชื่อว่าหากให้เข็มกลัดแก่ใคร จะเป็นการทิ่มแทงใจ สร้างความเจ็บปวด ขัดแย้งให้กับผู้รับคนนั้น


เครื่องแก้วต่างๆ
เพราะตามความเชื่อว่าถ้าเกิดเครื่องแก้วนั้นแตกขึ้นมา นั่นก็หมายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอันแตกหัก แตกสลายตามของอย่างแน่นอน

        โปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ มัน เป็นแค่สิ่งบอกเล่า  หากใครจะเชื่อหรือไม่ก็อยากให้ดูๆและเก็บไว้ประดับความรู้นะ  เพราะสิ่งสำคัญคือการกระทำของตัวตัวเราและใจของเราในทุกๆเรื่อง

จาก FW mail