วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของผู้หญิงที่ผู้ชายอยากรู้...แต่ไม่กล้าถาม (อยากรู้จริงๆนะ)




1. เวลาผู้หญิงเข้าห้องน้ำ จะเปิดซิปกระโปรงหรือถลกเอา?

ตอบ : แล้วแต่สะดวก แต่ส่วนมากถลก
2. ผู้หญิงสวมกระโปรงยาวเป็นคนเรียบร้อยใช่ไหม?
ตอบ : ไม่เสมอไป อาจเป็นแฟชั่น

3. มีเสื้อผ้าเต็มตู้ จนไม่มีช่องว่างให้แมลงสาบหายใจ แต่ทำไมยังบอกว่าไม่มีอะไรจะใส่?

ตอบ : ก็หาที่ถูกใจกับอารมณ์วันนี้ยังไม่ได้ หรืออาจจะเรียกให้ดูดีหน่อย อาจจะบอกว่า เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละวัน หรือว่าแฟชั่นช่วงนั้นๆ
4. ทำไมผู้หญิงต้องมุ่งมั่นเอากับการทำให้ผมตรงเรียบ แบบเอาเป็นเอาตายด้วย?
ตอบ : แล้วจะให้มันยุ่งทำไมละ

5. สวมร้องเท้าส้นสูงแหลมๆ ทำไมถึงทรงตัวได้?

ตอบ : เป็นพรสวรรค์ตั้งแต่ชาติก่อน
6. เจ้ามาสคาร่านะ มันจะทำให้คุณดูดีขึ้นเหรอ?
ตอบ : โคตรๆ ถ้ายาวทิ่มตาผู้ชายได้ จะแฮปสุดๆ
7. น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตเลยหรือ?
ตอบ : ไม่ใช่แค่น้าหนัก แต่รวมถึงเอว ตะโพก พุง ต้นแขน ต้นขา และรอบคอ
8. ต้องการอะไร ทำไมไม่พูดตรงๆ และทำไมต้องคิดว่าผู้ชายต้องเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้าด้วย
ตอบ : อ้าว ไม่รู้นี่ว่าผู้ชายไม่ฉลาด
9. เวลาคนอุ้มท้อง นอนหงายหรือนอนตะแคง?
ตอบ : ทั้งสองอย่าง แล้วแต่ความเมื่อย

10. ทำไมต้องเติมแป้งที่ใบหน้าอยู่ตลอดเวลา

ตอบ : อยากสวย

11. เป็นโสดทำไม?

ตอบ : ที่หาได้ก็ไม่ดี ที่ดีๆ ก็หาไม่ได้

12. ผู้หญิงตายด้าน มีหรือเปล่า?

ตอบ : ผู้หญิงที่ตายด้านก็เพราะคำตอบข้อ 11 นั่นแหละ

13. ทำไมต้องมีร้องเท้าหลายสิบคู่ด้วย มันต่างกันยังไง?

ตอบ : ทำไมผู้ชายถึงชอบมีเมียที่ละหลายคน มันต่างกันยังไง

14. ทำไมฝีมือการขับรถของผู้หญิงไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย?

ตอบ : ก็เพิ่งรู้ตอนคุณถาม แต่ผู้หญิงก็ไม่ได้เมาแล้วขับ เอ๊อๆๆๆ

15. ทำไมผู้หญิงชอบกินผลไม้ดอง?

ตอบ : แล้วทำไมผู้ชายชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่

16. เวลาคุณเสยผมแปลว่าเชิญชวนใช่ไหม?

ตอบ : ไม่ว่ากันถ้าจะคิดอย่างนั้น ขนาดผู้หญิงด่าคุณ ยังหาว่า ผู้หญิงชอบ

17. กระเป๋าสะพายราคาเป็นหมื่นๆ นั้น มันวิเศษยังไง?

ตอบ : แล้วสุราราคาแพงๆ ทำไมคุณบอกว่าอร่อยกว่าราคาถูก ทั้งๆ ที่ดื่มแล้วก็เมาเหมือนกัน

18. กลัวลิปสติกเลอะเวลากินข้าว แล้วทำไมต้องทาก่อนออกไปกินข้าวด้วย?

ตอบ : คำตอบเดียวกันกับ คุณรู้ว่าเที่ยวผู้หญิง นอกใจเมีย เสี่ยงต่อการเป็นเอดส์ แล้วทำทำไม

19. ส้มตำเป็นยาอายุวัฒนะเหรอ?

ตอบ : ก็อยากผอม สวย และเอาใจผู้ชายอย่างคุณไง

20. ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้น เพราะอยากอวดให้ผู้ชายเห็นเรียวขาหรือเปล่า?

ตอบ : ใช่ ไม่ได้แค่อวดกับผู้ชายนะกับผู้หญิง ถ้าฉันขาสวย ฉันก็อยากอวดพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน

21. ในการปฏิบัติกิจพิเศษ ผู้หญิงสามารถรับได้สูงสุดกี่หนในคราวเดียว?

ตอบ : ผู้ชายทำได้กี่หนก็รับได้เท่านั้นแหละ ว่าแต่ทำได้หรือเปล่าเหอะ


22. เสื้อชั้นใน ตะขอหน้ากับตะขอหลัง มันต่างกันตรงไหน?

ตอบ : ตะขอหน้าสำหรับผู้ชายมือใหม่ ตะขอหลังสำหรับขั้นเทพ คุณละ ขั้นไหน
23. เวลามีรอบเดือน เจ็บปวดหรือเปล่า?

ตอบ : เจ็บปวด ไม่ทุกคนและก็ไม่ทุกครั้ง

24. คุณซักกางเกงในกันบ่อยแค่ไหน?

ตอบ : บ่อยเท่าที่จะทำได้ นุ่งซ้ำไม่ลงเหมือนคุณหรอก

25. ผู้ชายเก่งกับผู้ชายรวย อย่างไหนมีน้ำหนักกว่ากัน

ตอบ : ถ้าทั้งเก่ง ทั้งรวย น้ำหนักจะดีมากๆ

26. ทำไมคุณเดินช้อปปิ้งโดยที่ไม่เหมื่อย ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อกันเลย

ตอบ : เวลาที่คุณดื่มสังสรรค์กับเพื่อนคุณถึงสว่าง คุณไม่อยากเลิก ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่กลัวเมียเวลาเข้าบ้านบ้างหรือ

27. เพชรมันสวยยังไง ทำไมใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของกันหนักหนา

ตอบ : ก็มันสวยกว่าก้อนหินนี่

28. คุณนอนหลับท่าไหนกันบ้าง

ตอบ : ทุกท่าที่ทำให้หลับสบาย

29. จุดยุทธศาสตร์ของผู้หญิงน่ะ จริงๆแล้วมีตรงไหนบ้าง

ตอบ : ถามแฟนคุณจะดีที่สุด

30. คุณเคยช่วยตัวเองใช่ไหม

ตอบ : คุณถามเพราะไม่รู้จริงๆ เหรอ

31. ผู้หญิงบ้างคนทำอาหารไม่เป็นเลยจริงๆ หรือว่าแกล้งทำ

ตอบ : ทำน่ะ มันทำได้ แต่จะขาดรสอร่อย

32. ทำไมผู้หญิงวิตกจริตกันเอามากๆ

ตอบ : คุณเรียกว่าวิตกจริตแต่ผู้หญิงเรียกว่า กลัว

33. ทำไมผู้หญิงถึงได้ตั้งใจและเรียนเก่งกันนัก

ตอบ : ก็เพราะผู้หญิงขับรถไม่เป็นสับปะรดไง

34. ยามเข้านอน คุณสวมชุดชั้นในกันหรือเปล่า

ตอบ : แล้วแต่คน ส่วนมาก ไม่

35. ทำไมต้องรวบผมครึ่งเดียว

ตอบ : มันจำเป็นที่จะต้องรวบหมดด้วยเหรอ

36. ตอนสวมชุดเกาะอก เปิดไหล่ใส่เสื้อชั้นในกันหรือเปล่า

ตอบ : ใส่บ้าง ไม่ใส่บ้างแล้วแต่ชุด

37. ตอนสวมชุดว่ายน้ำ คุณสวมกางเกงในด้วยหรือเปล่า

ตอบ : คำตอบเดียวกับข้อ 36

38. เคยจินตนาการแบบอีโรติกกับผู้ชายที่กำลังอยู่ตรงหน้าบ้างไหม

ตอบ : ไม่เคยเพราะแค่เจอหน้าก็อารมณ์หดหมดแล้ว แต่ถ้ากับดารา ก็ไม่แน่

39. ชุดโชว์ร่องอกน่ะ อยากให้ผู้ชายดูใช่ไหม

ตอบ : คล้ายๆกับคำตอบข้อ 20

40. ทำไม ต้องอคติกับแม่สามีด้วย (กำลังจะคิดให้มี”วันแม่ยาย”)

ตอบ : อาจจะเพราะรักผู้ชายคนเดียวกันก็ได้มั้ง

41. เอ่อ ! ..คุณชอบท่าไหนมากที่สุด

ตอบ : ทำไมคุณไม่ถามว่าเกลียดท่าไหนที่สุด จะตอบง่ายกว่า
42. คุณจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนาเดียวกับผมได้ไหม

ตอบ : ได้ แต่คุณลองให้เหตุผลดีๆ มาซัก 3 ข้อ
43. ถ้ามาอยู่บ้านผู้ชายแล้ว ผู้หญิงเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านไหม

ตอบ : แล้วทำไมผู้หญิงต้องไปอยู่บ้านคุณด้วย

44. ทำไมผู้หญิงต้องเอาเป็นเอาตายกับวันครบรอบสารพัดวันด้วย

ตอบ : ที่จริงผู้หญิงทุกคนอยากจะรู้ว่าผู้ชายที่รัก จะรักและสนใจอะไร เกี่ยวกับตัวเธอบ้างไหม

45. ผู้หญิงเคยสวมกางเกงในกลับด้านกันบ้างไหม

ตอบ : เคย (โดยส่วนตัวไม่เคย)

46. กางเกงเป้าต่ำน่ะ ใส่สบายดีจริงๆหรือเปล่า

ตอบ : ก็สบายต่อสายตาผู้ชายไง
47. ทำไมต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลี้ยงทุกครั้งที่ออกเดท

ตอบ : ไม่ได้ตั้งใจ

48. คุณเคยดูหนังโป๊กันใช่ไหม

ตอบ : ใช่ ชอบด้วย
49. ระหว่างเครื่องสำอางกับอาหาร คุณให้อะไรเป็นที่หนึ่ง

ตอบ : เครื่องสำอาง

50. เคยแอบมองเป้าผู้ชายกันบ้างหรือเปล่า

ตอบ : ไม่มองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้รูดซิป

51. ทำไมต้องหวง เวลาที่คุณผู้ชายไปสังสรรค์กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน

ตอบ : ก็เพราะว่าไม่ได้ไปด้วยไง จริงๆ แล้วอยากไปด้วย

52. ทำไมชอบคิดจับผิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นเกย์

ตอบ : เพราะพวกเขาชอบเรียกพวกเราว่า ชะนี

53. คุณแอบชอบเพื่อนของแฟนบ้างไหม

ตอบ : จะชอบเข้าไปได้ยังไง อ้วนดำและขนาดนั้น

54. ทำไมเป็นนักสำรวจมือทองกันจัง ซ่อนอะไรไว้ตรงไหนหาเจอหมด

ตอบ : พรสวรรค์อีกนั่นแหละ

55. ผ่าท้องคลอด หมอผ่าตรงไหน

ตอบ : ใต้สะดือ

56. สวมถุงน่องข้างนอกหรือข้างในกางเกงใน

ตอบ : ข้างนอก (ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ)

57. ครีมทาหน้าขาวน่ะ ขาวจริงๆ หรือเปล่า

ตอบ : ถามพอนด์ส ดูสิคะ

58. ผู้หญิงอายุมากๆ ยังมีความรู้สึกทางเพศไหม

ตอบ : ถามญาติผู้ใหญ่คุณดูดีกว่าไหม

59. ทำไมชอบทำสีผมกันจัง ทำไมคิดว่าจะทำให้ดูดีขึ้น

ตอบ : คุณคิดว่าผมสีขาวกับสีดำ สีไหนดูดีกว่ากัน

60. ทำไมต้องหึงหวงอย่างไม่มีเหตุผล

ตอบ : คุณรู้ได้ไงว่าไม่มีเหตุผล เหตุผลมีเป็นพันๆ ข้อ แต่คุณไม่ยอมรับรู้ต่างหาก

61. ทำไมต้องให้โทรหาทุกวัน

ตอบ : จะได้รู้ไงว่าคุณมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

62. การไม่ปฏิเสธ คือการยอมรับหรือเปล่า

ตอบ : ใช่

63. การที่คุณโทรหาผม แสดงว่าคุณชอบผมเข้าแล้วใช่ไหม

ตอบ : เปล่า ฉันชอบเพื่อนคุณต่างหาก
64. คุณแอบชอบแฟนของเพื่อนหรือเปล่า

ตอบ : จะแอบชอบได้ยังไงมีแต่ผู้หญิง

65. การที่คุณเงียบ แปลว่าคุณยอมใช่ไหม

ตอบ : ยอม อาย ลังเล … แล้วแต่ขณะนั้นแต่อยู่ใน 3แบบนี้

66. คุณภูมิใจมากใช่ไหมที่มีรายได้สูงกว่าผู้ชาย

ตอบ : ทำไมไม่คิดให้มีมากกว่าผู้หญิงละ
67. ผู้หญิงแกร่ง ลึกๆ แล้วก็ต้องการผู้ชายใช่หรือเปล่า

ตอบ : ต้องการให้ได้ดั่งใจ
68. คุณร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า?

ตอบ : ร้องไห้เพราะเสียใจ ทุกข์ใจ ที่ทำไมผู้ชายดีๆ หายากจัง

69. ทำไมต้องถอนขนคิ้วด้วย

ตอบ : จุดประสงค์เดียวกับการโกนหนวดของผู้ชายนั่นแหละ

70. ทำไมไม่เคยเข้าใจผู้ชายเลย

ตอบ : แล้วคุณน่ะเคยเข้าใจผู้หญิงบ้างหรือเปล่า

71.เวลาเลือกเสื้อผ้า ไมผู้หญิงต้องจับเสื้อผ้าทุกตัวที่อยู่บนราวแขวน

ตอบ : ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากได้ทุกตัวที่อยู่ในร้านนั่นแหละแล้วคุณล่ะ เห็นด้วยไหม?

ตำนานผี ของมหาวิทยาลัย ในประเทศไทย (อาจเป็นมหาลัยคุณ)


ตำนานผีที่แต่ละมหา’ลัยต้องมีร่ำลือกัน อาจมีมหาลัยคุณก้อด้ายยย
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สถาน ที่เกิดเหตุ : ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีคู่สามีภรรยานักการฯ ของคณะสถาปัตย์ ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาควักปืนยิงสามีจนเสียชีวิต และมีเลือดสาดไปทั่วทั้งทางเดิน ต่อมาทางคณะมีการปรับปรุงพื้นบริเวณนี้ แต่แปลกที่เฉพาะทางเดินนี้เท่านั้นที่ปูนไม่ยอมแห้งส ักที ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันในทุก วันนี้ หรือที่ห้องซ้อมดนตรีไทย คณะครุศาสตร์ เวลาที่มีคนแอบเข้าไปนอนหลับในห้องซ้อมดนตรีไทย จะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปเดินมา และได้กลิ่นธูป เมื่อถามรุ่นพี่ๆ ว่าเป็นอะไร คำตอบคือ เป็นฝีมือของเจ้าที่ที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องท ี่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1


2. มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอเพชรรัตน์ หอเก่าแก่ในมหาวิทยาลัย ที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมีนักศึกษานอนอยู่ในห้อ งพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษาคนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่าน ไป

3. มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

สถาน ที่เกิดเหตุ : ชั้น15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์เมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีนักศึกษาหญิงถูกข่มขืนและถูกฆ่าตายที่ชั ้น15 ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้นนั้นคนเดียวใ นช่วงเย็น เพราะวันดีคืนดีอาจได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ หรือบางครั้งเข้าห้องน้ำแล้วมองออกไปที่กระจกก็จะเห็ นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้าอยู่ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบใคร

4. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สถาน ที่เกิดเหตุ : บริเวณป่ารกข้างหอ 9 หลัง เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน มีเรื่องเล่าว่า เคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนจนตายบริเวณนี้มาก่อน ทำให้บางคืนหากมีใครขับรถผ่านมา จู่ๆ รถก็จะกระตุกแล้วก็หยุดไปเลย เหมือนมีใครดึงรถอยู่ข้างหลัง เมื่อหันไปดูจะเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้

5. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

สถานที่เกิดเหตุ : โต๊ะตรงคณะอุตสาหกรรมในบริเวณนั้นมักมีคนได้กลิ่นหอมของดอกไม้โบราณหอมแบบ เย็นๆ นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงกระพรวนที่เท้าเด็กดังเหมือ นเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ หันไปหันมาจะเจอเด็กผมจุกนั่งอยู่บนต้นไม้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะเขาแค่อยากชวนเล่นด้วย หรือที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ดึกๆ จะมีคนเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินไปเดินมา อาจเพราะบริเวณนี้ของมหาวิทยาลัยเป็นรั้ววังตั้งแต่ส มัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆ ว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม้ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณ

6. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอพักนักศึกษามีหอหนึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคนและที่หอใน ชั้น 2 เคยมีนักศึกษาเสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนปิด ซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึง มีคนเพิ่งจะพบศพ แต่หลังจากนั้นก็มีคนเห็นว่านักศึกษา คนนี้ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำ หน้าห้องอยู่เลย

7. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท

สถาน ที่เกิดเหตุ : ลิฟต์ที่อาคาร 9 ใครที่ขึ้นลิฟต์นี้ตอนดึกๆ จะมีคนกดเรียกลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด พอเปิดมาไม่เจอใคร แต่จะรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ตอนนั้นให้รู้ไว้เลยว่าเป็นคนงานที่ตกลิฟต์ลงมาตาย แต่เค้าจะขอลงด้วยหรือที่วิทยาเขตรังสิต ก็มีตำนานแกรนด์คอนโด เป็นที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องผี ถ้าอยากเจอ กลางคืนให้หาเรื่องอยากกินนั่น นู่น นี่ แล้วเดินลงบันไดดู

8. มหาวิทยาลัยนเรศวร

สถานที่ เกิด เหตุ : คณะวิทยาศาสตร์ คำบอกเล่าจาก อ.คณะวิทย์ ว่าหลังจากที่มียามถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะ โดยที่ยามคนนี้ยังแวะไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอ บอยู่ดึกๆ ในตึกอีกด้วยอีกเรื่องเล่ารุ่นต่อรุ่นว่า ในวันบวงสรวงรับน้องใหม่ในปีหนึ่งมีน้องที่คณะพยาบาล เป็นลมเพราะเห็นกองทัพพระนเรศวรเดินทัพลอยมาจากบนฟ้า

9. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

สถาน ที่เกิดเหตุ : ศาลาเขียวคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มีศาลาประจำเอกคือ ศาลาเขียว ศาลานี้มีตำนานเล่าขาน ถึงที่มาของแผ่นป้ายที่ติดอยู่ ในศาลานั้นว่าทำมาจากต้นตะเคียน วันดีคืนดีจะมีผู้หญิงผมยาวๆ มานั่งอยู่เดียวดายในศาลา

10. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

สถาน ที่เกิดเหตุ : ลานจอดรถยนต์เก่า และป่าละเมาะลานจอดรถยนต์ข้างศูนย์บรรณาสาร (หอสมุด) นี้ว่ากันว่าเป็นแดนประหารเก่า และว่ากันมาว่ามีพนักงาน รักษาความปลอดภัยกะดึกคนหนึ่ งเคยเห็นผีคอขาด เดินลากโซ่เสียงดังเกรียวกราวไปมา และถ้าดึกๆ ใครขับรถผ่านก็จะขนลุกโดยไม่มีสาเหตุ

11. มหาวิทยาลัยรังสิต

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอชายเก่าที่หอชายเก่าในช่วงที่ใกล้จะสร้างหอเสร็จ มีการติดตั้งลิฟต์ และคืนนั้นมีคนงานกินเหล้ากันตามปกติ จนกระทั่งตี 1 มีคนงานคนหนึ่งตกลงไปที่ชั้นล่างใต้ลิฟต์แล้วปีนขึ้น มาไม่ได้ เพราะความเมา และคนงานคนนั้นก็เลยถูกลิฟต์ทับ ในเวลาต่อมาหลังจากที่หอเปิดได้ไม่นานก็มีนักศึกษาเข ้าอยู่เต็ม และหอนี้ไม่เคยปิดเป็นเวลา จึงมีนักศึกษาเข้า-ออกเป็นประจำ จนตี 2 ของคืนหนึ่ง มีนักศึกษากลับมาจากข้างนอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ตามปกติ หลังจากกดชั้นที่พัก ลิฟต์ก็เคลื่อนที่ไปได้สักพักแล้วก็หยุด พร้อมๆ กับไฟดับและมีเสียงร้องดังออกมาข้างนอก จากนั้นลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมฝุ่นตลบ มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนว่าอย่ายืนทับที่ หลังจากนั้นก็มีการทำบุญหอกันมาทุกๆ ปี

12. มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง

สถาน ที่เกิดเหตุ : ห้องน้ำในหอนักศึกษา เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาว่า มีหญิงสาวถูกฆ่าตายภายในห้องน้ำ ศพของเธอนอนคว่ำอยู่ในอ่างน้ำสีแดงฉาน แล้วหลังจากนั้นก็มีนักศึกษาสาวเข้าพักในหอพักแห่งนี ้ ทำให้เจอเข้ากับเหตุการณ์อันไม่คาดคิด ช่วงเวลาประมาณตี 1 ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น เธอตัดสินใจไปอาบน้ำเพื่อปลุกให้ตื่นมาอ่านหนังสือต่ อ ในขณะที่เธอกำลังสระผมนั้น คลำดูกี่ทีๆ ก็ยังพบว่าหัวของเธอนั้นยังลื่นอยู่ เธอจึงตัดสินใจล้างน้ำรอบแล้วรอบเล่า พอเธอเงยหัวขึ้นมองบนเพดาน กลับเห็นผีกำลังหยอดแชมพูลงบนหัวเธอและยื่นมือมาสระผ มให้อีกด้วย



13. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สถาน ที่เกิดเหตุ : ลิฟต์แดง คณะศิลปศาสตร์ ลิฟต์นี้มีตำนานเล่ากันว่าตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลา ลิฟต์นี้ถูกใช้เป็นเครื่องช่วยชีวิตนักศึกษา เพื่อหนีไปยังชั้นอื่นๆ แต่พวกเขาคิดผิด เพราะเมื่อพวกเขาเข้าไปในลิฟต์ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด พวกเขาโดนทหารยิงทันที จนคราบเลือดเปรอะเปื้อนทั่วลิฟต์ไปหมด หลังจากเหตุการณ์นี้ ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะใช้ลิฟต์มากนัก เพราะมีคำร่ำลือกันว่า ลิฟต์ตัวนี้มีวิญญาณของรุ่นพี่นักศึกษาสิ่งสถิตอยู่ หรือในช่วงเย็นจะไม่มีใครกล้าเดินผ่านเลย และจะไม่มีใครกล้ามองเข้าไป เพราะเคยมีคนเห็นภาพศพที่เต็มไปด้วยกองเลือดนอนทับๆ กันอยู่ในลิฟต์แดงตัวนี้เป็นจำนวนมาก

14. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

สถาน ที่เกิดเหตุ : หอพักอาคาร 5 คืนหนึ่งของ long weekend ที่เด็กกลับบ้านเกือบหมดหอ เล่ากันว่ามีนักศึกษาที่มีอาการ ทางประสาท คนหนึ่ง เครียดเรื่องเรียนจนคลุ้มคลั่ง และฆ่าตัวตายด้วยวิธีการกรีดข้อมือ หลายวัน ผ่านไป มีรูมเมตมาพบศพ ในสภาพศพขึ้นอืด ศพนั้นโกนหัวและนิ้วมือถูกตัดออกหมดด้วย ต่อมาทางมหาวิทยาลัย ได้สั่งให้ปิดหอชั่วคราว และปิดเร ื่องนี้ โดยนิมนต์พระมาสวดหลายครั้งแต่ก็ยังมีเสียงร้องไห ้และ เสียงกรีด ร้องในตอนดึกอยู่ จนหลายปีผ่านไปหอนี้ก็ทำการเปิดให้นักศึกษาเข้าพักอี กครั้ง มีนักศึกษาคนหนึ่ง ได้ยินเสียงบางอย่างจากลิ้นชักโต๊ะ ที่ล็อกอยู่ และเริ่มสะเทือนแรงขึ้น เธอได้แต่นั่งตะลึงมองลิ้นชักที่สะเทือน ตามแรงที่ดัน ออกมา จนในที่สุดก็เปิดออก! มือที่ไม่มีนิ้วเกาะอยู่ที่ขอบลิ้นชัก แล้วหัวที่ไม่มีผมก็โผล่ออกมา แล้วก็พูดว่า…”โนบิตะ นายล็อกลิ้นชักทำไม!!

วิตามิน ต่อต้านริ้วรอย




ผิว หนังเป็นปราการภายนอกที่สำคัญ ในการปกป้องอวัยวะภาพในร่างกายอื่นๆ ซึ่งผิวหนังจะต้องสัมผัสกับมลพิษเหล่านี้ อยู่ตลอดเวลา และเป็นด่านแรกที่สแดงให้ทราบถึงความผิดปกติ ความร่วงโรยของผิว ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปรากฏการณ์ลูกโซ่ทางธรรมชาติ วิ่งในวัยทีสูงขึ้น ด้วยแล้ว การทำงานของเซลล์เสื่อมทำให้ผิวพรรณสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยและผิวหนังเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น


สารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนังมีอะไรบ้างเราลองไปดูกันคะ
Vitamin Cโดย ปกติจะอยู่ในรูปของกรดแอสคอบิค ซึ่งอยู่ในอาหารที่รับประทาน ผลไม้ ผักใบเขียว อาทิเช่น ส้ม ฝรั่ง องุ่น กะหล่ำปลี ฯลฯ กรดแอสคอบิคนี้ ไม่มีความคงตัว สบายได้ง่าย เมื่อถูกอากาศ ความร้อน แสง และปริมาณที่ร่างกายได้รับ ต่อวัน ประโยชน์ของวิตามินซี จะกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทำให้เม็ดสีเมลานินจางลง ผิวพรรณสดใส บรรเทาอาการอักเสบของผิวเมื่อถูกแสงแดด

Coenzyme Q10
คือ โมเลกุลเล็กๆ ที่มีอยู่ในเซลล์ร่างกายตามธรรมชาติ หน้าที่หลักคือ เปลี่ยนแปลงสารอาหารที่เซลล์รับเข้าไให้เป็นพลังงานในรูป ATP ประการที่สองคือ ช่วยในการสลายประจุของอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของความชรา โมเลกุลขนาดเล็ก จะสามารถซึมซาบผ่านเข้าไปในเซลล์ของผิวหน้า ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิว ลดริ้วรอยรอบๆ ดวงตา สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับของโคเอนไซน์ คิวเทน ลดลง เช่นวัยที่สูงขึ้น ความเครียด และการใช้ยาบางชนิด

Retinol
อนุมูล บริสุทธิ์ของวิตามินเอ สามารถซึมผ่านเซลล์ของผิวหนังชั้นนอก ลงไปจนถึงเซลล์ชั้นล่าง ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวหน้ามีความนุ่มเรียบเนียนลื่น และมีความยืดหยุ่น

Hyaluronic Acidเป็น สารที่มีอยู่แล้ว ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พบเป็นปริมาณสูงในผิววัยเยาว์ และจะเสื่อสลายไปเนื่องจากอนุมูลอิสระ มลภาวะ และแสงแดด ในผิวของคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป จะมีปริมาณของไฮละลูโรนิกน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวที่ขาดความยืดหยุ่นและเริ่มเกิดริ้วรอย การใช้เครื่องสำอางที่มีสารประกอบชนิดนี้อยู่ จะทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เต่งตึง และเนียนนุ่มขึ้น ยิ่งให้ควบคู่กับส่วนผสมของสารชุ่มชื้นอื่นๆ เช่น วิตามินอี9 โจโจ้บาออย และวิตามินซี จะช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น

คุณค่าของสารบำรุง ต่างๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ประกอบกับวิทยาการทันสมัย นำสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในรูปของเครื่องสำอางประทินผิว ที่สามารถต่อต้านริ้วรอยอย่างได้ผล

8 ทำให้ดื่มน้ำง่าย





1.ดื่มน้ำให้เหมือนเป็นกิจวัตร พยายามดื่มน้ำทุกเช้าหลังตื่นนอนให้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะการดื่มน้ำตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากดื่มน้ำมากไปตลอดทั้ง วัน ทั้งยังช่วยเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย

2.บีบน้ำมะนาวใส่นิด ๆ หากคุณรู้สึกแปลก ๆ กับรสชาติที่จืดชืดของน้ำเปล่า ขอแนะนำให้คุณหามะนาวมาบีบลงไปในน้ำเปล่าซักเล็กน้อยก่อนดื่ม เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับน้ำ


3.ทำให้มันใสอยู่เสมอ หมั่นตรวจดูปัสสาวะของคุณหลังเสร็จธุระ เพื่อให้มั่นใจว่ามันยังใสอยู่เสมอ เพราะความใสนั้นเหมือนเป็นดัชนีวัดว่า ร่างกายของคุณได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่เมื่อไรก็ตามที่ปัสสาวะของคุณมีสีเหลืองเข้ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ


4.ถ้าร้อนนัก ก็ดื่มซะ เมื่อคุณกำลังอยู่ในอารมณ์ที่เดือดดาล ขอแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น เพราะบางครั้งการเลือกเครื่องดื่มก็เป็นเรื่องของจิตวิทยา การที่คุณได้ถือเครื่องดื่มอุ่น ๆ สักแก้วไว้ที่มือ อาจช่วยให้คุณลดอารมณ์เดือดดาลลงได้มากกว่าเครื่องดื่มปกติ ยิ่งกว่านั้น ในกาแฟและน้ำชายังมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มอัตราการกำจัดน้ำออกจากร่างกายของคุณ ในรูปของปัสสาวะ


5.ดื่มน้ำเมื่อคุณถูกความตะกละจู่โจม บางครั้งความรู้สึกหิวของคนเราก็เป็นความกระหายแบบหลอก ๆ หรือแค่รู้สึกตะกละเท่านั้น ดังนั้นคุณสามารถแก้อาการนี้ได้ด้วยการหาน้ำดื่มซัก 1- 2 แก้ว เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนได้กินอะไรรองท้อง


6.เริ่มปฏิบัติจากขั้นตอนง่าย ๆ อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำได้ จากหน้ามือเป็นหลังมือ คือจากคนที่ไม่ดื่มน้ำเลยมาดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่คุณควรเริ่มจากการดื่มน้ำ 1 แก้วในตอนเช้าของวัน ตามด้วยการดื่มน้ำอีก 1 แก้วก่อนนอนจนเป็นนิสัย จากนั้นค่อยๆเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำระหว่างวันให้มากขึ้น


7.ถูก และ ถูก อย่าลืมว่า น้ำดื่มตามภัตตาคารนั้นมีให้บริการฟรี แบบไม่อั้น


8.หมั่นหาแก้วน้ำที่มีน้ำเต็มแก้ว 1 ใบมาวางไว้ข้างตัวคุณเสมอ ขณะคุณกำลังทำงาน เพราะมันจะทำให้คุณสะดวกต่อการหยิบขึ้นมาจิบไปเรื่อยๆ ขณะทำงานโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องสุมหัวคิดงานกับเพื่อน ๆ หรือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาหากคุณไม่ต้องการให้มือของคุณอยู่ว่าง

ผู้ชายทำไมชอบมี กิ๊ก...?




สารพัดคำแนะนำสำหรับสาวๆ จากมุมมองของผู้ชาย
Q: ดิฉันมีเพื่อนผู้ชายอยู่คนหนึ่ง มีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน แต่ก็เห็นมีกิ๊กเบี้ยใบ้รายทางไปเรื่อย เห็นแล้วขยาดที่จะมีแฟนเลยค่ะ อยากรู้จริงๆ ทำไมผู้ชายถึงชอบมีกิ๊กระหว่างที่มีแฟนแล้ว ถ้าเบื่อก็เลิกกันไปก่อนก็ได้ ทำไมไม่คบทีละคนคะ

A: ใจเย็นๆ ครับ อย่าเพิ่งถอดใจไป ผู้ชายที่คบแฟนทีละคนก็มีครับ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าผู้ชายจะเป็นกันอย่างนี้ไปซะหมด แต่ก็มีหนุ่มหลายคนที่คบหลายคนในเวลาเดียวกัน เหตุผลก็ง่ายๆ เลยครับ
1. ผู้ชายเป็นเพศที่ชอบความเสี่ยง เหมือนกับการเล่นการพนัน มันสนุกตื่นเต้น เร้าใจในการคบทีละหลายคน และสับรางไม่ให้ถูกจับได้ แถมสิ่งที่ได้ตามมาคือการมีเซ็กส์แบบไม่ซ้ำกันด้วย
2. เป็นไปได้ว่าการมีกิ๊กของผู้ชายอาจมาจากการเบื่อแฟน แต่ยังไม่อยากเลิก หรือไม่อยากเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน พฤติกรรมของพวกเขาจะชอบหาเรื่องทะเลาะและหายหน้าไปหลายวัน เพื่อที่จะไปอยู่กับกิ๊กนี่แหละ
3. การที่ผู้ชายมีกิ๊ก จะทำให้ดูเจ๋งในหมู่เพื่อนชายด้วยกัน ว่าสามารถมีสาวทีละหลายๆ คน อันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ล่ะครับ
4. ผู้ชายบางคนกลัวการผูกมัดขึ้นสมอง เลยพยามมีผู้หญิงทีละหลายๆ คนเพื่อโชว์ว่าเค้ายังไม่พร้อมที่จะผูกมัดหรือจริงจังกับใคร อย่างนี้คนที่เป็นแฟนก็ต้องทำใจหน่อยล่ะครับ
5.ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่เลิกกับแฟนของตัวเอง เพื่อ ไปคบกับกิ๊กแบบจริงจังหรอกครับ ถ้ามีก็น้อยมาก เพราะไม่มีใครกล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนหลายใจ ถึงขนาดต้องเลิกล้มความสัมพันธ์ไปในที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม

ที่มา
chicministry.com/

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ก่อนตรวจภายใน ควรทำอะไร...



คุณ ผู้หญิงหลายคนมักกังวลเมื่อต้องมีนัดกับคุณหมอสูตินารี เพื่อตรวจภายใน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อตรวจเช็คความปกติของมดลูกและมะเร็งปากมดลูก อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- ทำความสะอาด
ก่อนไปตรวจควรทำความสะอาดภายนอก โดยใช้สบู่ธรรมดา ไม่ต้องใส่น้ำหอม แป้ง หรือฉีดสเปร์ย์ดับกลิ่น
- ไม่ควรไปตรวจช่วงมีประจำเดือน

- ไม่ควรสวนหรือล้างภายในช่องคลอด
เพราะอาจล้างเอาส่วนที่เป็นสาเหตุของโรคนั้นออกไป

- ไม่ควรโกนขน เพราะมีผลเสียต่อการตรวจได้เช่นกัน เช่น ทำให้หมอวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมบางอย่างไม่ได้ เพราะต้องอาศัยดูจากขนด้วย

- สวมกระโปรงหรือกางเกงหลวมๆ ที่สามารถถอดออกง่าย เพื่อความสะดวกในการตรวจ
- งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจ 

ท้องผูกได้อย่างไร


ท้องผูกมาจากอะไร
อึดอัดจริง.. ตั้ง 3 วันแล้ว ยังไม่ยอมถ่ายออกไปเสียที สาวๆ ที่กำลังมีอาการท้องผูก รู้ไหมว่าโรคผูกๆ นี้มีสาเหตุมาจากอะไร

    
1. ไม่สนใจอาหารเส้นใย
               อาหารที่มีเส้นใยมากๆ จะเป็นเหมือนไม้กวาดที่เข้าไปกวาดล้างของเก่าหมักหมมให้สลายตัวออกไปจากลำ ไส้ของคุณ ร่างกายต้องการเส้นใยวันละ 20-25 กรัม เพื่อช่วยในการขับถ่าย แต่ทุกวันนี้ ข้าวขาว ขนมปัง เบเกอรี่ ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มาแรงได้ใจสาวๆ ซะจนอาหารเส้นใยแทบไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดเลย ท้องน้อยๆ เลยผูกเอา ..ผูกเอา
    2. ความเครียด ศัตรูตัวร้าย
               ความเครียดจะทำให้ระบบทุกส่วนในร่างกายรวนเร ไม่เว้นแม้แต่ระบบขับถ่าย เพราะเมื่อเกิดความเครียด ลำไส้จะหยุดบีบตัวชั่วคราว ทำให้เบื่ออาหารพร้อมกับถ่ายไม่ออก เมื่อไรที่หยุดเครียด นั่นล่ะ .. ถึงจะกลับมากินง่ายถ่ายสะดวกเหมือนเดิม
     3. การกลั้นอุจจาระ
               ก็ร่างกายร่ำร้องว่าจะถ่ายแล้วกลับไม่ยอมให้มันได้ทำงานเอง แล้วจะไปโทษใครได้ถ้าร่างกายจะเกิดความเคยชิน ไม่บีบตัว และไม่ถ่ายไปซะดื้อๆ นอกจากนี้ อุจจาระเก่าๆ ที่คุณกลั้นไว้ก็จะถูกดูดน้ำออกไปทุกวันๆ ทำให้มันเป็นก้อนแข็ง อุดตันปิดกั้นการเคลื่อนตัวของของเสียในลำไส้ จึงยิ่งทำให้ท้องผูกถ่ายลำบากยิ่งกว่าเดิม
     4. ไม่ออกกำลังกาย
               การออกกำลังกายเป็นการกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหารที่ดีที่สุด เพราะการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจะทำให้กล้ามเนื้อลำไส้บีบตัวและเกิดการ ขับถ่ายของเสียออกมา คนที่นั่งหรือนอนทั้งวัน โอกาสที่ระบบขับถ่ายจะทำงานได้ดีก็ยากหน่อยนะ
  
     5. ทานยาระบายบ่อยครั้ง                ถ้าเป็นไปได้สาวๆ ไม่ควรจะใช้ยาถ่ายเลย เพราะการใช้สารแปลกปลอมเข้าไปช่วยในการระบาย จะไปสร้างความเคยชินให้กับลำไส้ ทำให้หยุดทำงานตามปกติ และจะบีบตัวขับถ่ายอุจจาระก็ต่อเมื่อกินยาเข้าไปกระตุ้นเท่านั้น คนที่ใช้ยาถ่ายติดต่อกันนานๆ จึงจะมีปัญหาท้องผูก ถ่ายเองไม่ได้ถ้าไม่ได้ทานยา 

โยเกิร์ตระงับกลิ่นปากได้


โยเกิร์ตระงับกลิ่นปาก
    ใครว่ากลิ่นปากเป็นเรื่องเล็ก
จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลให้บุคลิกของคุณติดลบได้ง่ายๆ ต่อรูปให้สวย รวยทรัพย์ แต่ปากเหม็น เสน่ห์ทุกอย่างก็หมดกันค่ะ งานนี้"คุณเคนอิชิ โฮโจ" และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึรูมิ ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัยและพบว่าแบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ต โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิด Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus อาจมีผลต่อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นในปากคนเราได้ โดยจากการทดลองพบว่าการกินโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละ 6 ออนซ์ (ประมาณ 1 ถ้วย) จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก อย่างเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟต์ นอกจากนี้ในบรรดาผู้ที่ชอบกินโยเกิร์ตนั้นจะมีปริมาณคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน (plaque) และอาการของโรคเหงือกอักเสบน้อยกว่าคนทั่วไปอีกด้วย     รู้อย่างนี้แล้วหนุ่มๆ สาวๆ รีบซื้อโยเกิร์ตมานกันได้แล้วค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยลดกลิ่นปากแล้ว ยังจะช่วยให้ผิวดีอีกด้วยนะ แหม....ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงนกถึงสองตัว...

9 ข้อ สมองดีไม่มีเดี้ยง



ง่ายๆ 9 ข้อ สมองดีไม่มีเดี้ยง

1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมอง ประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2. กินไขมันดี

คน ไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลัง จากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ

การ ตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรม เราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเ สมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ

ทุก ครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไป เรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน

สิ่ง ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน

ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal

ฝึก เขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึกๆ

สมอง ใช้ออกชิเจน 20-25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอา ออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20%

โรคกรดไหลย้อน ที่คนทำงานออฟฟิศควรรู้จักไว้

สำหรับมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่ตั้งตนเป็นสาวก Workaholic ทุกเวลาทุ่มเทให้กับการงานนั้น อาจจะเคยเจอภาวะ เรอเปรี้ยว ปวดแสบ ๆ แถวหน้าอกหรือตรงลิ้นปี่ กันมาบ้าง เลยพาลให้นึกไปว่า นั่นไง ... โรคกระเพาะเล่นงานแล้วไง จากนั้นก็อาจจะไปซื้อยาลดกรด (Antacids) มารับประทานเพราะคิดว่าน่าจะหาย
แต่ระวังนะครับ คุณอาจจะกำลังเข้าใจผิดก็ได้ เพราะว่าโรคกรดไหลย้อนนั้นก็มีอาการคล้ายคลึงกับโรคกระเพาะเช่นเดียวกัน

ซึ่ง "โรคกรดไหลย้อน" (
GERD) นั้นมีเป็นภาวะ ที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร โดยของที่ไหลย้อนส่วนใหญ่จะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนน้อยอาจเป็นด่างจากลำไส้เล็ก โดยอาจมีหรือไม่มีหลอดอาหารอักเสบก็ได้

ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่ชอบกินจุบกินจิบ กินอาหารไม่เป็นเวลาและเร่งรีบ รวมถึงผู้ชอบอาหารรสจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงสูง

โดยจะแสดงออกผ่านอาการเหล่านี้ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ

บางรายอาจมีอาการแสดงออกนอกหลอดอาหารได้ เช่น อาการทางปอด หรืออาการทางคอและกล่องเสียง ทำให้เสียงแหบเรื้อรัง มีไอเรื้อรัง มีกลิ่นปาก หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้

วิธีการรักษานั้นสามารถใช้ยาลดกรดในกลุ่ม Proton pump inhibitors ติดต่อ กัน 6 - 8 สัปดาห์แต่บางรายอาจจะต้องใช้นานเป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้แล้วแต่ความมาก น้อยของอาการที่เป็น ซึ่งการใช้ยานั้นควรจะอยู่ในความดูแลของแพทย์ ไม่แนะนำซื้อยามารับประทานเองนะคะ

แม้ว่าโรคนี้นั้นไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงขึ้นขั้นทำให้เสียชีวิต แต่ว่าอาจจะสร้างความยุ่งยากในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ป่วยมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง คุณภาพชีวิตก็แย่ลงด้วย เพราะ

ฉะนั้น เมื่อมีอาการผิดปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการ รักษาที่ถูกวิธีนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดี ชีวิตที่ดีของตัวเราเองครับ

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ของขวัญ 10 แบบที่ห้ามให้



น้ำหอม
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะมีหลายคนที่เขาเชื่อ เขาแอบกระซิบบอกมาว่า ห้ามให้แฟนซื้อน้ำหอมให้เด็ดขาด เพราะความรักของคุณอาจจะจืดจางเหมือนกับกลิ่นของน้ำหอมที่จางหายไปตามกาลเวลา


รองเท้า
ข้อนี้ยิ่งเด็ด เพราะมีประสบการณ์ตรงมาอ้างอิง โดยใครมีแฟนรีบเอาไปให้อ่านเลย เขาว่ากันว่าหากแฟนซื้อรองเท้าให้จะทำให้เลิกกัน เพราะรองเท้ามันต้องอยู่เป็นคู่ คนที่เป็นแฟนกันแต่ยังไม่ได้อยู่กันเป็นคู่ รองเท้าจึงเป็นอาถรรพ์ที่อาจจะทำให้เลิกกันได้ เรื่องนี้ขอบอกว่าเคยเกิดขึ้นกับหลายคนนะ ที่แฟนซื้อรองเท้าให้ตอนคบกัน 4 - 5 เดือน หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ แฟนก็ขอเลิกเลย


เสื้อผ้าชุดดำ
อัน นี้น่ากลัวมากๆ เขาห้ามให้เสื้อผ้าชุดที่มีสีดำเป็นของขวัญโดยเด็ดขาด เพราะ คนโบราณเขาถือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าคลุม ผู้หลักผู้ใหญ่จะสอนอยู่เสมอว่า ถ้าเราให้ชุดดำใคร เราจะต้องได้ไปงานศพของคนนั้น..เวรกรรม..


นาฬิกา
อัน นี้มาแนวถือเคล็ดซะมากกว่า เพราะ หลายคนเชื่อหนักหนาว่า หากแฟนซื้อนาฬิกาให้ จะทำให้ระยะเวลาที่คบกัน อาจจะต้องหยุดลงเมื่อนาฬิกาเรือนนั้นหยุดเดิน ไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม..โอ้แม่เจ้า..


รูปถ่าย
อีก สิ่งหนึ่งที่ห้ามให้เด็ดขาดนั้นก็คือ รูปถ่ายเดี่ยวๆ ของตัวเอง เพราะมันเปรียบเสมือนการให้รูปที่ระลึกไว้ดูต่างหน้าเวลาจากกัน อาถรรพ์นี้หลายคนเจอมาแล้ว หากใครไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลีกเลี่ยงเด็ดขาด..อะจึ๋ย..


ผ้าเช็ดหน้า
ความหมายตรง ตัวมากๆ ผ้า เช็ดหน้าส่วนใหญ่เขาไว้ใช้ทำอะไร คนรับของขวัญก็จะต้องใช้ทำอย่างนั้นหละ..ซึ่งได้ข่าวมาว่า ผ้าเช็ดหน้า ส่วนใหญ่จะใช้เช็ดน้ำตาซะด้วย..ดังนั้นใครไม่อยากที่จะต้องเสียน้ำตา ต้องเลี่ยงให้ของขวัญเป็นผ้าเช็ดหน้านะครับ..


ของมีคม อัน นี้คงไม่เชิงความเชื่อ เพราะ มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้แน่นอน แต่เชื่อไว้ก็ไม่เสียหลายนะ พวกของมีคม อาวุธ ดาบ ของเล่น โมเดลต่างๆที่มีคมอย่านำเป็นของขวัญ เพราะจะทำให้ผู้รับได้รับอันตราย มีภัย โชคร้าย ไปด้วย


หวี
แฟน เพื่อน มิตรสหายทั้งหลายฟังทางนี้ เพราะถ้าเรามอบหวีให้กับแฟน หรือเพื่อนคนไหน จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราและเขาต้องห่างกันเหมือนซี่ของหวีนั้นเอง


เข็มกลัด
ภาย นอกอาจจะดูสวย แต่ภายในแฝงไปด้วยความหมายที่น่าเจ็บปวด เพราะเชื่อว่าหากให้เข็มกลัดแก่ใคร จะเป็นการทิ่มแทงใจ สร้างความเจ็บปวด ขัดแย้งให้กับผู้รับคนนั้น


เครื่องแก้วต่างๆ
เพราะตามความเชื่อว่าถ้าเกิดเครื่องแก้วนั้นแตกขึ้นมา นั่นก็หมายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอันแตกหัก แตกสลายตามของอย่างแน่นอน

        โปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ มัน เป็นแค่สิ่งบอกเล่า  หากใครจะเชื่อหรือไม่ก็อยากให้ดูๆและเก็บไว้ประดับความรู้นะ  เพราะสิ่งสำคัญคือการกระทำของตัวตัวเราและใจของเราในทุกๆเรื่อง

จาก FW mail

วิธีผ่อนคลายในระหว่างทำงาน


หนุ่ม-สาว ที่ต้องนั่งทำงานทั้งวัน อาจเจอกับปัญหาที่ทำให้ต้องเครียด และเมื่อสะสมไปนาน ๆ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้  "เกร็ดน่ารู้" สัปดาห์นี้ มีวิธีลดทอนสารทำลายสุขภาพจิต และเพิ่มพลังสุขภาพกายให้สดใสตลอดสัปดาห์ มาฝาก

             ทานอาหารให้ตรงเวลา แม้หลายคนจะยุ่งกับการทำงานจนไม่รู้สึกหิวก็ตาม ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ตัวเองหิว เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทจังก์ฟู้ดส์ ที่ไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย

             ดื่มน้ำคลายเครียด ระหว่าง วันควรมีน้ำประจำโต๊ะ และดื่มอย่างน้อย 6-8 แก้ว จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ การดื่มน้ำส้ม วันละ 2 แก้ว จะช่วยลดความดันโลหิต และช่วยสร้างสมดุลเกี่ยวกับระบบการทำงานของหัวใจได้

            เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง โดยทุก ๆ 2 ชั่วโมง อาจลุกเดิน หรือบริหารกล้ามเนื้อ อาทิ หมุนคอ หมุนข้อเท้า ยืดแขน นั่งเอี่ยวตัวอยู่กับที่ เพื่อให้เส้นคลายตัว และลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ที่เราอาจไม่รู้ตัว

             ผ่อนคลายจิตใจหลังเลิกงาน  อาจทำกิจกรรมที่ชอบ อาทิ เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง พูดคุยกับครอบครัว หรือไปสังสรรค์กับเพื่อน เป็นการปรับชีวิตให้สมดุลและผ่อนคลาย เพื่อชาร์จพลังก่อนเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในวันรุ่งขึ้น

            "การรีแลกซ์ระหว่างทำงานนั้น" นอกจากจะช่วยผ่อนคลายระบบต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว สุขภาพใจก็ยังผ่องใสไปด้วย
จาก image

ดวงตาทายนิสัยได้...



ลองสังเกตดวงตาของแต่ละคนดูสิ แล้วจะรู้ว่าเขาหรือเธอมีนิสัยอย่างไร

ตายาว และมีประกายแวววาว ตามตำราว่า จะเป็นผู้ที่มีบุญวาสนา


ตาขาวมากกว่าตาดำ สาวๆ ที่มีตาขาวมากกว่าตาดำ มักเป็นคนที่มีนิสัยดุร้ายนักแล หนุ่มใดที่ได้เป็นแฟนต้องระวัง เพราะเธออาจเจี๋ยนคุณได้ถ้านอกใจ


ตาโต ดำขลับ และมักมองตรงๆไม่วอกแวก ดวงของสาวคนนี้ จะส่งเสิรมให้สามีเจริญรุ่งเรือง และตัวเองก็มีความสุขจนแก่เฒ่า


ตาดำและตาขาวแจ่มใส สาวคนนี้เป็นคนซื่อสัตว์ รักเดียวใจเดียว หากแต่งงานก็จะจงรักภัคดีต่อสามีไปจนตาย


ขอบตาดำ และมีขนตาดกหนา ตาเยิ้มหวาน มักเป็นสาวไฟแรงสูง ไม่ยอมอยู่ในกรอบสังคม เธอมักทำตามอำเภอใจ และแหวกม่านประเพณีได้ง่ายๆ


ตาเล็ก เบ้าตาลึก คนที่มีตาลักษณะนี้มักเป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย โกรธง่าย อารมณ์ร้อน อย่าได้พูดผิดหูเชียวนะ


ตาซ้ายเล็ก ผู้ชายที่มีตาซ้ายเล็กกว่าตาขวามักเป็นคนกลัวเมีย แต่ถ้าตาเล็กและตาดำขุ่นมัว มักเป็นคนจิตใจรวนเร


ดวงตามีประกายแข็งกล้า ไม่ หวั่นเกรง นัยว่าเป็นคนทะนงตน แต่ถ้าชอบชำเลืองมองคนด้วยหางตาละก็ มักเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม หากชอบชำเลืองมองคนด้วยหางตา แถมตาเขด้วย มักเป็นคนโลภมากไปทุกเรื่อง มีนิสัยเจ้าชู้


ตาโปนและแวววาว ส่อ นิสัยว่าเป็นคนเจ้าชู้ ดังนั้น ถ้าสาวๆเจอหนุ่มลักษณะนี้ ต้องระวังถูกฟันแล้วทิ้ง แต่ถ้าตาโปนแฝงประกายาดุดัน ส่อว่าจะมีอายุสั้น แต่ถ้าตาโตโดยที่มีหน้าตาสดใส มีสง่าราศีแสดงว่าเป็นคนทำมาหากิน

เคล็ดลับเท้านุ่ม


ใคร ๆ ก็อยากมีเท้านุ่มน่าสัมผัสน่ามองใช่ไหมหละ เรามีเคล็ดลับที่ทำได้ง่าย ๆ มากฝากกัน

เท้านุ่มได้ด้วย ถุงพลาสติก

อีกหนึ่งกลวิธีช่วยลดโลกร้อน แบบที่ใช้แล้วยังไม่ต้องทิ้ง เราใช้ถุงพลาสติกมาเป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดลับเท้านุ่มในวันนี้

เริ่ม ต้น ทาปิโตเลียมเจลให้ทั่วเท้า โดยเฉพาะที่ส้นเท้า ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ จากนั้นนำถุงพลาสติกมาครอบเท้าทั้งสองข้าง แล้วทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง ไอร้อนของร่างกายจะทำให้ปิโตเลียมเจลซึมซาบสู่ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวที่แห้งหยาบกร้าน นุ่มขึ้น

แต่ถ้า ไม่อยากใช้ถุงพลาสติก ก็ยังมีอีกวิธีที่ช่วยให้เท้านุ่ม ไม่แห้งหยาบกร้าน ก่อนนอนให้ทาปิโตเลียมเจล หรือโลชั่นบำรุงผิวที่เท้า แล้วสวมถึงเท้าเข้านอน รับรองว่าเช้าขึ้นมา จะมีเท้านุ่ม น่าสัมผัสแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก ดิฉัน
กลับหน้าแรก

กำเนิดเอกภพได้อย่างไร



 สิ่ง ที่ตื่นเต้นล่าสุดกับการกำเนิดของเอกภพก็คือความรู้ที่ว่ากำเนิดที่แท้จริง ของเอกภพไม่ใช่บิกแบง (การระเบิดใหญ่) แต่มีเหตุการณ์หลายขั้นตอนเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และเมื่อย้อนเวลาขึ้นไปอีกเราก็ได้รู้ว่าเอกภพเกิดขึ้นมาจาก ศูนย์ เมื่อคิดจากสามัญสำนึกธรรมดา ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรเลย แต่เมื่อคิดย้อนกลับจากปัจจุบันไปสู่อดีตเราจะพบกับเอกภพที่มีทั้งสภาพ ที่มีความหนาแน่นและความร้อนสูงเป็นอนันต์ (ซึ่งฮอว์คิงและเพนโรสเรียกสภาพนี้ว่าจุดซิงกูลาริตี) ซึ่งในสภาพนั้นเราจะไม่สามารถบอกได้ (ทางทฤษฎี) เลยว่าก่อนหน้านั้นเอกภพมีความเป็นมาอย่างไร นั่นก็คือเท่าที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถบอกได้ได้ง่ายนักว่าเอกภพ เกิดมาจาก ศูนย์ ตราบใดที่พิสูจน์ทางทฤษฎีไม่ได้ ถึงจะเชื่อก็บอกไม่ได้ แต่ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถบอกได้แล้ว นั่นก็แสดงว่า (มนุษย์) ได้สามารถตีผ่านจุดซิงกูลาริตีได้แล้ว ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าที่น่าตื่นเต้น
         ทฤษฎีเกี่ยวกับกำเนิดและความเป็นมาของเอกภพเป็นสาขาวิจัยสำคัญอันหนึ่งของ ดาราศาสตร์ ทฤษฎีเอกภพนั้นดั้งเดิมมีรากฐานมาจาก ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ของไอน์สไตน์ ทฤษฎีนี้ช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับเอกภพของเราก้าวหน้าอย่างมากก็จริง แต่ทางทฤษฎีนี้ก็มีจุดอ่อนที่สำคัญ จุดหนึ่งเกี่ยวกับกำเนิดของเอกภพ ตราบใดที่คิดจากฐานของทฤษฎีสัมพัทธภาพ เราจะไม่สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับกำเนิดของเอกภพได้เลย เพราะฉะนั้นในสมัยก่อนถ้าเราถามนักวิทยศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเอกภพว่า เอกภพเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? ผู้ถูกถามมักจะกระอักกระอ่วนแล้วก็ตอบแบบห้ามถามต่อว่า มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ นั่นก็คือไม่มีใครตอบได้นั่นเอง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทฤษฎ๊ของอนุภาคพื้นฐานที่จำเป็นมากในการคิดเกี่ยวกับกำเนิดเอกภพ ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ช่วยให้เราสามารถพบทางแก้ปริศนาของเอกภพแนวทางใหม่นี้ได้ เหตุผลที่ทฤษฎีของอนุภาคพื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพราะเอกภพซึ่งปัจจุบัน กว้างใหญ่ไพศาลนั้น ตอนที่กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างยังรวมตัวอัดแน่น ทั้งความหนาแน่นและอุณหภูมิจะสูงเป็นอนันต์ ในสภาพเช่นนั้นสสารทั้งหลาย จะแยกตัวออกเป็นอนุภาคพื้นฐานที่สุดในระดับควาร์ก และนี่ก็คือเหตุผลที่ทฤษฎีอนุภาคพื้นฐานต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในการศึกษา เกี่ยวกับกำเนิดของ เอกภพ

ประวัติการศึกษาการกำเนิดของเอกภพ เริ่มจากไอน์สไตน์

         เราอาจกล่าวได้ว่าการศึกษาเอกภพปัจจุบันนั้นมีต้นกำเนิดรากฐานมาจาก ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ของ ไอน์สไตน์ ไอน์สไตน์เป็นผู้ที่ทำให้เกิด การศึกษาเกี่ยวกับเอกภพนั้นเป็นวิทยาศาสตร์ แทนที่จะเป็นเพียงความเชื่อหรือศาสนา ซึ่งก่อนหน้านั้นเรามักจะคิดเพียงว่าเอกภพเป็นสถานที่ให้ดาว และกาแลกซี่อยู่ ไม่ได้เป็นจุดสำคัญของการศึกษาค้นคว้า ในปี 1917 ไอน์สไตน์ได้ใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพในการศึกษาเกี่ยวกับเอกภพ ที่จริงในปี 1917 เป็นเพียงปีเดียวให้หลังจากที่เขาประกาศทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของเขาเท่า นั้น ซึ่งแสดงว่าเขาเริ่มสนใจการศึกษาเอกภพทันที่ที่ทฤษฎีของเขาเสร็จ นั่นเอง เขาคงอยากรู้เกี่ยวกับเอกภพอย่างแรงกล้าอยู่แล้วและอาจกล่าวได้ว่า เพราะความอยากรู้เกี่ยวกับเอกภพจึงทำให้เขาสามารถค้นพบและสร้าง ทฤษฎีสัมพัทธภาพได้ ในตอนแรกๆ ไอน์สไตน์ได้ใช้ทฤษฎีของเขากับโมเดลเอกภพที่หยุดนิ่ง สม่ำเสมอ เหมือนกันทุกทิศทาง ซึ่งก็คือโมเดลของเอกภพ ปิด สม่ำเสมอและเหมือนกันทุกทิศทาง ซึ่งหมายความว่าถ้าดูในบริเวณแคบๆ ของเอกภพอาจจะมีโลก มีดาวเสาร์ ฯลฯ แต่เมื่อดูในวงกว้างขวางแล้ว ไม่ว่าจะมองไปทิศทางไหน เอกภพจะเหมือนกันทั้งหมด ไม่มีที่ไหนที่จะพิเศษกว่าที่อื่น ปัจจุบันเราเรียกความคิดนี้ว่า กฎของเอกภพ ซึ่งเป็นความคิด พื้นฐานอันหนึ่งในการศึกษาเอกภพในปัจจุบัน แล้วผลของการคำนวณปรากฏออกมาตรงกันข้ามกับที่คาดไว้ ไอน์สไตน์พบว่าตามโมเดลเอกภพที่ปิดนี้ เอกภพจะหดตัว แทนที่จะหยุดนิ่งอย่างที่คิดไว้ ซึ่งที่จริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่พอคาดคะเนได้ เพราะทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นั้น ที่จริงก็คือการขยาย ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของนิวตัน ถ้าในเอกภพมีมวลสารอยู่อย่างสม่ำเสมอ มันจะดึงดูดซึ่งกันและกันเข้าหากัน ซึ่งก็คือเอกภพจะหดตัวนั่นเอง

ตามทฤษฎีเอกภพของไอน์สไตน์ เอกภพไม่มีกำเนิด

         เอกภพจะหดตัวและสลายไปไม่ได้ เพราะสมัยนั้นเชื่อกันว่า เอกภพเป็นสิ่งที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์และจะยั่งยืนตลอดไปในอนาคต ไอน์สไตน์เอง ก็เชื่อเช่นนั้น แต่เพื่อแก้ปัญหานี้ ไอน์สไตน์ได้เพิ่มตัวแปรเอกภพเข้าไปในทฤษฎีของเขา โดยหวังว่ามันจะช่วยให้ผลทางทฤษฎีที่ออกมาจะไม่ทำให้เอกภพ หดตัว เพราะตัวแปรเอกภพที่จะทำให้เกิดแรงต้านแรงโน้มถ่วงต่อแรงโน้มถ่วงของนิวตัน และสมดุลกันไม่ให้เอกภพหดตัว แต่ไอน์สไตน์เพิ่มตัวแปร เอกภพนี้เข้าไปในทฤษฎีโดยที่เป็นเทคนิคทางทฤษฎีเท่านั้น และนี่ก็คือทฤษฎีโมเดลเอกภพหยุดนิ่ง ซึ่งไอน์สไตน์ประกาศในปี 1917 และเป็นทฤษฎีที่ เอกภพจะไม่ขยาย จะไม่หด แต่จะคงที่ ตามทฤษฎีเอกภพนี้เอกภพจะมีตั้งแต่ดึกดำบรรพ์และจะยั่งยืนต่อไปในอนาคต เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิด ถึงกำเนิดของเอกภพ นั่นก็คือทฤษฎีอันแรกเกี่ยวกับกำเนิดของเอกภพก็คือทฤษฎีของของไอน์สไตน์ที่ ว่าเอกภพไม่มีกำเนิด แต่ในปี 1922 นักคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ทฤษฎีชาวรัสเชียชื่อ ฟรีดมานน์ ได้คำนวณเกี่ยวกับเอกภพโดยใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ พบว่าเอกภพจะไม่คงที่ แต่จะต้องขยายหรือไม่ก็หด อย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเขาได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพคำนวณเกี่ยวกับเอกภพที่เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เอกภพที่หยุดนิ่งและในปี 1929 นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ ฮับเบิล ได้สำรวจด้วยกล้องโทรทัศน์ที่หอดาราศาสตร์วิลสันแห่ง แคลิฟอร์เนียพบว่า เอกภพนั้นกำลังขยายตัวไม่ได้หยุดนิ่ง

ทำไมกำเนิดของเอกภพจึงเป็น BIG BANG (การระเบิดใหญ่)

         ถ้าเอกภพกำลังขยายตัวก็แสดงว่าถ้าเราย้อนเวลากลับไปในอดีต เอกภพก็ต้องมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ยิ่งย้อนเวลามากก็ยิ่งเล็กลง แล้วเมื่อเล็ก ลงอย่างที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น เอกภพจะลดลงจนสลายไปหรือหวังว่าจะมีจุดหนึ่งที่เอกภพกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดจะเห็นว่าเราจะต้องเกี่ยวข้องกับ การเริ่มของเอกภพทั้งนั้น ผู้แรกที่เริ่มศึกษาปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังคือนักฟิสิกส์ซึ่งเกิดที่รัส เซียชื่อ กามอฟ แต่ภายหลังอพยพไปอยู่อเมริกาในช่วง ปี 1948 ที่จริงกามอฟไม่ได้ตั้งใจที่จะคิดค้นเกี่ยวกับการเริ่มของเอกภพตั้งแต่ตอน แรก แต่ระหว่างที่เขากำลังคิดค้นเกี่ยวกับการเกิดของธาตุ เขาก็ได้ บรรลุถึงข้อสรุปว่า เอกภพจะต้องเกิดขึ้นด้วย BIG BANG

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เตือน!!! อย่าไว้ใจน้ำร้อนลวกช้อน

ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต

เวลาไปกินข้าวตามฟู้ดเซ็นเตอร์ตามที่ต่าง ๆ เราจะหยิบช้อนพร้อมกับมีหม้อน้ำร้อนวางอยู่ข้าง ๆ ให้เราได้ลวกช้อนอย่าได้คิดว่าช้อนที่แช่ลงไปในน้ำร้อนนั้นจะสะอาดปลอดเชื้อเพราะ ถ้าหม้อน้ำร้อนนั้นไม่มีการเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ ราว ทุกชั่วโมงหม้อน้ำใบนั้นจะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เหมือนกับเราจุ่มลงไปในน้ำล้างช้อนและถ้าน้ำไม่เดือด เชื้อโรคก็ไม่ได้ตายไปหรอกนะจ๊ะ
วิธี ที่ควรปฏิบัติ หนึ่ง ดูว่าน้ำในหม้อต้มร้อนจนเดือดหรือไม่สอง ควรแช่ช้อนเป็นระยะเวลาพอสมควร ไม่ใช่จุ่มเสร็จแล้วเอาขึ้นมาเลยแบบนั้นมันได้แค่สบายใจว่าช้อนสะอาดเคยเห็นบางแห่งประกาศไว้เลยว่า เขาจะเปลี่ยนน้ำทุกกี่ชั่วโมง ก็พอไว้ใจได้
ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานนี้ ไม่แช่น้ำร้อน จะปลอดภัยกว่าแต่คงไม่ต้องระวังขนาด พกช้อนส้อม ออกจากบ้าน มันจะเอิกเกริกมากไปหน่อย
 
 
จาก image

ดูแลจุดซ่อนเร้น..เชื้อราในช่องคลอด



โดย ทั่วไปแล้ว ผู้หญิงเรานี้ เวลาอยู่ในวัยที่มีประจำเดือนจะสังเกตได้ว่าจะมีคราบขาวติดอยู่ที่กางเกง ชั้นใน จะมากน้อยแค่ไหนหรือมีลักษณะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ก็ เป็นตามช่วงระยะของการมีประจำเดือน เนื่องจากช่องคลอดของผู้หญิงจะมีการทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว จึงถือว่าเป็นกระบวนการทำความสะอาดตัวเองตามปกติ
แต่ หากเมื่อไหร่ที่ตกขาวมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีสี มีกลิ่นผิดไปจากปกติ แล้วยิ่งถ้ามีอาการคันๆตรงน้องหนูอยู่ด้วย ก็สันนิษฐานได้เลยว่าคุณอาจโดนเจ้าเชื้อราเล่นงานเข้าแล้วก็ได้


เจ้าเชื้อแคนดิด้า แอลบิคันส์ (CANDIDA ALBICANS) จริงๆมันอาศัยอยู่ในร้างกายคนเราและชอบอาศัยอยู่ในช่องคลอดคุณผู้หญิง นั่นก็เพราะว่าเป็นที่ชื้นแฉะ และไม่มีภาวะความเป็นกรด เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของเชื้อราเป็นที่สุด
ทั้ง สาวน้อย และสาวไม่น้อยก็เป็นได้ทั้งนั้นและที่สำคัญยังสามารถติดต่อกันได้จากการมี เพศสัมพันธ์อีกด้วย น้องๆสามารถสังเกตอากการเหล่านี้ได้ด้วยตนเองจาก อากการเริ่มแรกจะรู้สึกคันๆ บริเวณช่องคลอด หรือปากช่องคลอด ตกขาวมีสีและมีกลิ่นผิดปกติ สีขุ่นจับเป็นก้อน อวัยวะเพศภายนอกบวมแดง และรู้สึกเจ็บ และทรมานมากเมื่อร่วมเพศ
ป้องกันได้ด้วยตัวคุณเอง- ควรตากกางเกงชั้นใน ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และต้องให้โดนแสงด้วย เพราะเชื้อราพวกนี้จะตายด้วยความร้อน
- เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีควรสวมใส่กางเกงชั้นในที่ทำด้วยผ้าฝ้าย ที่จะช่วยระบายความอับชื้นได้ดีกว่ากางเกงชั้นในที่เป็นใยสังเคราะห์
- ไม่ควรใช้สบู่ หรือน้ำยาใดๆ ล้างช่องคลอด เพราะนั่นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะความเป็นกรดของช่องคลอดลดลง ควรทำความสะอาดด้วยสบู่ธรรมดา และไม่ควรล้างภายในช่องคลอด
- ก่อนและหลังการร่วมเพศให้ปัสสาวะออกให้หมดกระเพาะ
- หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงยีนส์คับๆ ซึ่งทำให้การระบายอากาศไม่ดี เกิดการอับชื้น
- สำหรับคนที่เริ่มอาการของโรคช่องคลอดติดเชื้อรา ควรเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่ทั้งหมด หรือควรต้มน้ำเดือด10-15 นาที แล้วตากให้แห้งก่อนนำมาใช้งาน
- ถ้าเริ่มรู้สึกคันๆ ผิดปกติ ให้รับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวให้มากๆ เข้าไว้ “แลคโตบาซิลัส” ช่วยคุณได้
- ควรรับประทานผักผลไม้ วิตามินจะช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันโรค จะพบได้มากในพวกข้าวสาลี ขนมปัง ถั่ว ไข่ นม ผักใบเขียว ข้าวโอ๊ต เนื้อ และปลา
- หากมีอาการติดเชื้อแล้ว ควรงดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น แป้ง และขนมปังขาว และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล รวมทั้งแอลกอฮอล์ด้วย
รู้ไว้ก่อนจะสาย- การใช้ยาลดกรด ยาแก้กระเพาะอาหารอักเสบ และการใช้ยาสเตรียรอยด์ นอกจากจะทำลายเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นแล้ว ยังทำลายเชื้อ lactobacilli ในช่องคลอดลดลง เกิดภาวะความเป็นกรดลดลง ก็จะทำให้เชื้อราเติบโตได้เร็วขึ้น
- ช่วงก่อนมีประจำเดือนเป็นช่วงที่มีแนวโน้วในการติดเชื้อราสูง เพราะมีภาวะความเป็นกรดต่ำ
- การร่วมเพศถ้ามีน้ำหล่อลื่นน้อยก็เกิดการติดเชื้อราได้ และน้ำอสุจิจากฝ่ายชายก็มีลักษณะเป็นด่างย่อมทำให้เกิดภาวะติดชื้อราได้ง่าย เช่นกัน
ในผู้ที่เป็นเบาหวาน สามารถติดเชื้อได้มากที่สุด เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะสูง ส่งผลทำให้มีน้ำตาลใรสารหล่อลื่นช่องคลอดมากขึ้นด้วย

เห็น ไหมหล่ะค่ะ ว่าเจ้ากางเกงในชิ้นเล็กๆที่คุณมองข้ามเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อราศัตรูตัว ร้ายได้เป็นอย่างดี คุกคามคุณได้อย่างไม่คาดคิด อย่ามัวแต่อายและอย่าซื้อยามาใช้เอง เพราะหากชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นเชื้อราในมดลูกได้นะ คะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน


ขอบคุณข้อความจากฟากฟ้าทะเลฝัน

เรื่องของ...ไฝ


ไฝ" ใครๆ ก็รู้จัก เพราะคนเราแทบทุกคนล้วนมีไฝมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่บุคคล บางคนอาจจะมีไฝมาตั้งแต่เกิด หรือบางคนเพิ่งเกิดขึ้นก็ได้ โดยทั่วๆ ไปจำนวนไฝจะมีการเพิ่มขึ้นตามอายุอย่างช้าๆ ผู้ที่มีไฝควรเฝ้าสังเกตลักษณะการเปลี่ยนแปลงของไฝว่ามีลักษณะดังต่อไปนี้ หรือไม่
ลักษณะของไฝที่มีลักษณะผิดปกติ ได้แก่
1. ไฝที่เกิดการระคายเคืองบ่อยๆ
2. ไฝในบริเวณที่สังเกตได้ยาก เช่น บนหนังศีรษะ หรืออวัยวะเพศ
3. ไฝที่มีมาแต่กำเนิดและขนาดใหญ่ เช่น ไฝยักษ์ (Giant congenital melanoma)
4. ไฝที่มีสีดำเข้มผิดปกติกว่าที่อื่นๆ
5. ไฝที่เปลี่ยนสีอย่างกะทันหัน
6. ขอบไฝไม่เรียบ
7. ไฝที่มีขนาดใหญ่เกิน 5 มิลลิเมตร
8. ไฝที่เปลี่ยนแปลงขนาดและโตขึ้นเร็วในระยะเวลาอันสั้น

หาก พบว่ามีไฝผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นไฝอันตรายจริงๆ หรือไม่ และถ้าเป็นจริงก็ควรเอาออก ซึ่งมี 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การผ่าตัดออกและการใช้เลเซอร์
  • การผ่าตัด เอาไฝออกนั้นทำได้ค่อนข้างง่าย ใช้เวลาไม่นาน และความเจ็บปวดมีน้อย มาก นอกจากนี้ยังนำชิ้นเนื้อไฝที่ตัดออกไปตรวจดูว่าเป็นไฝธรรมดาหรือไฝมะเร็ง เพื่อที่จะให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป
  • การ ใช้เลเซอร์ ยิงที่ไฝนั้น เป็นการทำลายเนื้อไฝโดยตรง ถ้าไฝมีขนาดเล็กวิธีนี้จะทำให้ เกิดแผลเป็นขนาดเล็กมาก แต่ถ้าไฝมีขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าแผลจะหาย
การ พิจารณาใช้การผ่าตัดหรือเลเซอร์ขึ้นกับขนาดและตำแหน่งของไฝ ป้องกันไว้ก่อน ด้วยการเช็คดูว่าคุณมีไฝลักษณะแปลก ๆ ดังกล่าวข้างต้นไหม และอย่าลังเลที่จะไปปรึกษาแพทย์ 

จากนิตยสารชีวจิต

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคที่สาวๆ มักมองข้าม



    ด้วย ไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ บวกกับการเดินทางไปทำงานที่ต้องผจญกับปัญหาการจราจรที่แสนจะติดขัด บ่อยครั้งจึงทำให้สาวๆ หลายคนที่ปวดชิ้งฉ่องขึ้นมากลางทาง ต้องทนกลั้นปัสสาวะไปโดยปริยาย หรือสาวออฟฟิศบางคนก็อาจเป็นประเภททำงานติดลม นั่งรากงอกจนขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำก็มี บางรายที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ หรือแม้เดินช้อปตามห้างก็เกิดอาการรังเกียจห้องน้ำสาธารณะขึ้นมา จึงพาลกลั้นปัสสาวะมันซะอย่างงั้น

    ขอบอก เลยว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ให้รู้ไว้เลยว่าหากเรากลั้นปัสสาวะไว้นานๆ จะทำให้เชื้อโรคเดินทางเข้าไปถึงกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย แล้วพอสะสมนานวันเข้าเรื่อยๆ ก็จะมีอาการปัสสาวะช้า ปัสสาวะขัด หรือกลั้นปัสสาวะโดยไม่รู้ตัว เมื่อเป็นติดต่อกันนานๆ จึงทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้นมาได้ โรคนี้มักเกิดกับสาวๆ มากกว่าหนุ่มๆ เพราะสาวๆ อย่างเรามีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่าหนุ่มๆ เขา ดังนั้น เชื้อแบคทีเรียบริเวณปากท่อปัสสาวะจึงเข้าไปถึงกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่าไง ล่ะ ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่อาจจะออกแนวเรตเอ็กซ์หน่อยก็คือ สาวไหนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ และผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ง่าย ถ้าไม่แก้นิสัยชอบกลั้นปัสสาวะ หรือหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา ก็จะเป็นเรื้อรังจนเชื้ออาจลุกลามจนทำให้ไตอักเสบไปโน่นเลย

อาการที่สังเกตได้ง่าย
-ปวดปัสสาวะบ่อยๆ พอไปเข้าห้องน้ำก็จะฉี่กะปริดกะปรอยเหมือนไม่สุดซะที
-ตอนฉี่เสร็จจะมีอาการแสบที่ท่อปัสสาวะและปวดบริเวณท้องน้อย
-ถ้าอาการรุนแรงอาจมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ หรืออาจมีเลือดสดๆ (ฟังดูน่ากลัวนะ) หยดออกมาหลังกลั้นปัสสาวะนานๆ
-หากเป็นในเด็กเล็กๆ อาจมีการปัสสาวะรดที่นอน มีไข้ เบื่ออาหาร และอาเจียน บางรายอาจมีอาการเจ็บนิดๆ บริเวณท้องน้อยด้วย


Tips on how to prevent
1. อย่ากลั้นปัสสาวะนานๆ สาว ๆ จำไว้เลยว่า ถ้าเรากลั้นปัสสาวะบ่อยๆ หรือนานๆ จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะได้โดยไม่รู้ตัว
2. หากสุดวิสัยเข้าห้องน้ำไม่ได้ และเริ่มรู้สึกว่าเกิดอาการฉี่ขัดๆ ขึ้นแล้ว ให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคให้ออกมาทางเหงื่อหรือปัสสาวะให้มากขึ้น
3. เมื่อเข้าห้องน้ำ ตอนทำความสะอาดให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคติดมาที่เราได้
4. ข้อนี้สำคัญ สาวๆ ควรดูแลจุดซ่อนเร้นให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ โดยพกกระดาษทิชชูติดตัวอยู่ตลอกเวลา
5. หากอยากปลดทุกข์ขึ้นมา ห้องน้ำสาธารณะก็เข้าได้ แต่ต้องกดน้ำทำความสะอาดก่อนสัก 1-2 ครั้งก็ได้จะได้มั่นใจว่าเราจะไม่ติดเชื้อโรคได้ยิ่งขึ้น
6. ออกกำลังกายเป็นประจำและพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้แข็งแรงและมีภูมิต้านทานเขื้อโรคได้
7. เลือกใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย อย่าใส่กางเกงหรือยีนส์ที่รัดจนคับติ้วเกินไป เพราะจะทำให้ลำบากในการเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง
8. ดื่มน้ำวันมากๆ ยิ่งดื่มวันละ 1-2 ลิตรได้ยิ่งดี เพราะจะช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนของเหลวและระบบขับถ่ายในร่างกายได้ดี

                                                         กลับหน้าแรก

ดวงอาทิตย์ ส่องแสงได้อย่างไร...???



       ดวง อาทิตย์เป็นกลุ่มก้อนก๊าซที่มีขนาดมหึมาในระบบสุริยะจักรวาลของเรา ในใจกลางของกลุ่มก้อนก๊าซก้อนนี้มีอุณหภูมิสูงประมาณ 13,000,000 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นผลมาจาก ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ทำให้ก๊าซไนโตรเจนเปลี่ยนไปเป็นก๊าซฮีเลียมในระหว่างที่เกิดปฏิกิริยานี้ อยู่ พลังนิวเคลียร์ส่วนหนึ่งก็ถูกปล่อยออกมาซึ่งมีบางส่วนที่มาถึงโลกของเรา ในรูปของแสงและความร้อนเราเรียกว่า แสงอาทิตย์

หากโลกของเราปราศจาก แสงอาทิตย์แล้ว สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ก็ไม่อาจจะมีชีวิตดำรงอยู่ได้ เพราะสิ่งมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยแสงอาทิตย์ จะเห็นว่ามนุษย์เราใช้พืชและสัตว์เป็นอาหาร ในขณะที่สัตว์กินพืชเป็นอาหารและพืชก็ใช้แสงอาทิตย์มาช่วยในการสังเคราะห์ แสงต่ออีกทอดหนึ่งด้วย ดังนั้นจุดเริ่มต้นของชีวิตจึงมาจากแสงอาทิตย์

ความร้อนที่เราได้รับจากเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันหรือถ่านหินก็ดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่มีจุดกำเนิดมาจากแสงอาทิตย์ทั้งสิ้น เพราะถ่านหินก็คือซากของพืชในสมัยก่อนประวัติศาสตร์และน้ำมันก็คือซากของสิ่งมีชีวิตที่หมักหมมกันมานับเป็นล้านๆ ปี นัก วิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่าอีกประมาณ 1 ล้านปีข้างหน้า ดวงอาทิตย์จะดับ นั่นก็หมายความว่าอีก 1 ล้านปีข้างหน้า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่บนโลกย่อมดับสูญไปด้วย ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นมนุษย์คงจะต้องคิดค้นหาวิธีการเพิ่อความอยู่รอดของตน ต่อไป 

ขอบคุณครูบ้านนอกดอทคอม

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หน้าอกของผู้หญิงบอก...???



หน้าอกของผู้หญิง...บอกอะไรได้บ้าง

      
ผู้หญิงแต่ละคนมีหน้าอกหน้าใจแตกต่างกัน ซึ่งสามารถบ่งบอกนิสัยของแต่ละคนได้ รู้อย่างนี้แล้ว ก็สังเกตกันเอาเองนะคะ แล้วลองทายนิสัยกันเลยค่ะ

หน้าอกทรงมะนาว ผู้หญิง ที่มีหน้าอกรูปทรงนี้เป็นคนรื่นเริง สนุกสนาน หัวเราะให้แก่ตัวเองได้ ชีวิตเรียบง่าย ไม่หรือหวา และไม่มีอะไรที่ทำให้คนรอบข้างต้องประหลาดใจในตัวเธอ

หน้าอกทรงเชอร์รี่ ผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็กและแน่นกระชับเหมือนผลเชอร์รี่ มักเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ตลกโปกฮา คุยสนุก เป็นคนฉลาด และเป็นคู่รักที่ยอดเยี่ยมในการใช้ชีวิตและท่องเที่ยวด้วยกัน

หน้าอกทรงส้ม ผู้หญิงที่มีหน้าอกกลมและแน่นกระชับมักเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง มุ่งมั่นในจุดมุ่งหมาย ไม่ค่อยสนใจเซ็กซ์ แต่สนใจที่จะปรึกษาหารือกับคนรัก

หน้าอกทรงแตงโม สาวๆ ที่มีหน้าอกทรงโตและกลมดูเหมือนเป็นนางในฝัน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เธอเป็นคนที่ชอบเสพสุขกับการกิน ชอบให้คนเอาอกเอาใจ แต่ไม่ค่อยให้เวลากับเซ็กส์

หน้าอกทรงสาลี่ ผู้หญิงที่มีหน้าอกเต็มอิ่มในรูปผลสาลี่ มักเป็นศิลปิน อารมณ์อ่อนไหวง่าย เธอชอบความรักที่แปลกแหวกแนว และมีแนวโน้มที่จะมีกิ๊กได้ง่าย

หน้าอกทรงสับปะรด นักวิจัยเรื่องเซ็กส์ชาวอิตาเลียน Piero Lorenzo กล่าวว่า สาวๆ ที่มีหน้าอกแบบนี้มักเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเฉลียวในหน้าที่การงาน แถมยังเป็นผู้หญิงที่โรแมนติกและซื่อสัตย์อีกด้วย ว้าว เริ่ดจริงๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa

ทำไม...ผมถึงได้หงอกก่อนวัย



ปัญหาโลกแตกอีกปัญหาหนึ่งของหนุ่มๆ สาวๆ ยุดคนี้ก็คือ "ผมหงอกก่อนวัย" ทั้งๆที่เราอายุยังน้อย แต่สีผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นขาวแล้วอย่างนี้ต้องรักษาอย่างไรถึงจะหาย และมันเกิดขึ้นจากสาเหตุใดกันน๊าร่วมค้นหาไปพร้อมๆกันได้เลยจ๊ะ
         ชาวเอเชีย ฝรั่ง และแอฟริกันมีสีผมต่างกัน สีเหล่านี้เกิดจากเซลล์เมลาโนไซท์ผลิตเม็ดสีเมลานินได้สองโทนสี คือ เหลืองปนแดง และน้ำตาลปนดำ ซึ่งแต่ละเชื้อชาติจะผลิตสีออกมาในสัดส่วนที่แตกต่างกัน เมื่ออายุมากขึ้น รากผมค่อยๆ เสื่อม ทำให้ผมบางลง พร้อมกับเซลล์เมลาโนไซท์ผลิตเม็ดสีน้อยลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีขาวซึ่งเราเรียกว่า ผมหงอก
         จากงานวิจัยพบว่าเมื่ออายุ 50 ปีคนส่วนใหญ่มีผมหงอกไปครึ่งศีรษะแล้ว โดยฝรั่งผมเริ่มหงอกเร็วและลามไวกว่าคนเอเชียและแอฟริกัน เพราะสีผมบลอนด์เกิดจากเม็ดสีเหลืองปนแดงซึ่งใกล้เคียงกับสีขาวมากที่สุด เวลาเมลาโนไซท์หยุดสร้างสี จะพบว่าเส้นผมกลายเป็นสีขาวชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากชาติที่มีผมดำหรือน้ำตาลที่จะเปลี่ยนเป็นสีเทาก่อนแล้วจึง ค่อยเปลี่ยนเป็นสีขาวในเวลาต่อมา
ผมหงอกก่อนวัย
          ผมหงอกแสดงถึงเซลล์ร่างกายเริ่มเสื่อมลงหรือเรียกสั้นๆ ว่า "เริ่มแก่" ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มอายุคาดหวังของประชากรโลกลดลงเรื่อยๆ จึงไม่แปลกใจเลยที่หนุ่มสาวอายุเพิ่งยี่สิบก็มีผมหงอกแล้ว โดยทั่วไปผมจะเริ่มหงอกจากจอน ขมับ แล้วลามไปทั่วศีรษะ อาจเป็นเพราะหนังศีรษะแต่ละส่วน ทั้งด้านหน้า ตรงขมับ ด้านข้าง ด้านหลัง และกลางศีรษะ อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำอธิบายแน่ชัดว่าเพราะเหตุใด แต่หากเปรียบเทียบทั้งร่างกาย จะพบว่าผมหงอกเริ่มที่ศีรษะก่อนแล้วค่อยลามไปที่เคราและขนตามร่างกายในเวลา ต่อมา

ใครมีผมหงอกก่อนวัยได้บ้าง

         ทายาทผมหงอก คนที่ได้รับถ่ายทอดยีนผมหงอกมาจากพ่อหรือแม่ หากพ่อแม่มีผมหงอกก่อนวัยก็เชื่อได้เลยว่าลูกมีสิทธิ์ผมหงอกตอนเป็นหนุ่มได้ เช่นกัน สิงห์นักสูบ  มีงานวิจัยว่าคนที่สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุน้อยจะมีผมหงอกก่อนคนที่ไม่สูบ บุหรี่ เพราะสารอนุมูลอิสระจากการเผาไหม้บุหรี่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เซลล์ทั่วร่างกายแก่เร็วเป็นโรคกระดูกพรุนหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ที่เป็นโรคใดโรคหนึ่งในสองโรคนี้ บ่งบอกถึงสัญญาณความชรามาเยี่ยมแล้ว

การรักษา

       ไม่มีทั้งยารับประทานและยาทาที่สามารถฟื้นคืนเซลล์สร้างเม็ดสีให้ทำงานปกติ ได้เลย แต่มีวิธีเดียวคือ เมื่อเริ่มรู้ว่ามีผมหงอกแค่เพียงเส้นเดียว ควรหันมาออกกำลังกายเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ควบคู่กับรับประทานผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน หลอดเลือดหัวใจ และชะลอวัยได้

        วิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาผมหงอกก่อนวัย และอนาคตอาจมีการใช้ สเต็มเซลล์ ปลูกเซลล์รากผมที่ดีลงไปแทนได้ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นทดลอง หรืออาจใช้ ฮอร์โมนต้านความชรา แต่หากไม่ควบคุมปริมาณให้ดีอาจก่อมะเร็งได้ ต้องจับตาดูว่าทั้งสองวิธีนี้จะผ่านการรับรองจากวงการแพทย์เมื่อไร เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

อาหารการกินบำรุงร่างกายยุคนี้ดีขึ้น เล็บยาวเร็วกว่าคนรุ่นก่อน


นัก วิจัยได้พบว่า คนยุคปัจจุบันมีอาหารการกินที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายดีกว่าแต่ก่อน ดังจะเห็นหลักฐานเรื่องนี้ได้จากที่เล็บมือและเล็บเท้ายาวเร็วขึ้นกว่าสมัย บรรพบุรุษเมื่อ 70 กว่าปีมาแล้ว ถึงร้อยละ 25

ทีม นักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา ของสหรัฐฯ ได้พบว่าเล็บหัวแม่เท้าของคนสมัยนี้ ยาวเร็วในอัตราเดือนละ 2 มม. เทียบกับคนสมัยเมื่อ 50-60 ปีก่อนเพียง 1.65 มม. และเมื่อมาดูนิ้วหัวแม่มือ มนุษย์สมัยปี พ.ศ.2481 จะยาวในอัตราเดือนละ 3 มม. ในขณะที่ของคนในยุค พ.ศ. 2493 ยาวในอัตรา 3.06 มม. ซึ่งมนุษย์สมัยนี้ จะยาวในอัตราเฉลี่ย 3.55 มม.
นักวิจัยได้สรุปว่า "นับเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในสิ่งแวดล้อม ชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนสุขภาวะ ตั้งแต่อาหารการกิน การออกกำลังและองค์ประกอบร่างกายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 30 ปีมานี้
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
กลับหน้าแรก

งานศพ...ขนหัวลุก


ที่ จริงดิฉันไม่เคยรังเกียจรังงอนการไปงานศพมาก่อน ตรงกันข้าม กลับถือว่าเป็นงานสำคัญที่จำเป็นยิ่งกว่างานวันเกิดวันเงย หรืองานแต่งงานเสียด้วยซ้ำ เพราะถือว่าเป็นการไปอโหสิกรรมต่อกัน ล่ำลากันตามประสาญาติสนิทมิตรสหายเป็นครั้งสุดท้าย

แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่ง...เรียกว่าชวนให้ขนลุกขนพองสุดขีดก็แล้วกันค่ะ ที่ทำให้ดิฉันไม่กล้าย่างกรายเข้าไปในงานศพใดๆ อีกเลย นับเวลาได้ราวสิบปีเศษมาแล้ว

งานศพของเพื่อนรุ่นน้องบริษัท เดียวกัน พ่อแม่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรมขึ้นที่วัดหัวลำโพงนี่เอง ถือว่าเป็นวัดกลางใจเมือง ตอนนั้นรถราก็ยังไม่ติดขัดหรอกค่ะ ถ้าเลยชั่วโมงเร่งด่วนไปแล้ว และวัดทั่วๆ ไปก็ไม่รีบร้อนสวดศพกันตั้งแต่หัววันเหมือนอย่างปัจจุบัน

พงษ์เทพ อายุ 35 ปี หน้าตาไม่ขี้ริ้ว มนุษยสัมพันธ์ดีมาก มีอารมณ์ขันและช่างพูด ช่างคุย ทำให้เพื่อนฝูงได้หัวเราะกันเป็นประจำ ใครมีปัญหาชีวิตจนหน้านิ่วคิ้วขมวด พอได้ฟังพงษ์เทพพูดคุยก็หายเครียดได้พะเรอ

ทั้งๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นคนที่มีรสนิยมเพศเดียวกัน แต่พงษ์เทพก็ยังไม่มีแฟนซักที ถ้ามีใครถามก็ยิ้มฟันขาว พูดติดปากอยู่สองคำ

"เนื้อคู่ยังไม่เกิด" กับ "พี่ช่วยหาแฟนให้ผมซักคนซีฮะ"

ต่อ มาไม่นาน พวกเราก็ต้องยอมรับว่าเป็นโชคดีทั้งของพงษ์เทพ กับผู้หญิงที่จะมาเป็นคนรัก...เป็นภรรยาในอนาคต เพราะพงษ์เทพเสียชีวิตด้วยรถยนต์เมื่อเพื่อนชวนไปดูที่ดินเพื่อซื้อ-ขายเก็ง กำไรที่ชลบุรี ในยุคฟองสบู่กำลังเฟื่องฟู

ถ้าพงษ์เทพแต่งงานแล้ว คิดว่าเขาคงนอนตายตาไม่หลับแน่เพราะห่วงบุตรภรรยา และฝ่ายหญิงที่อาจจะเพิ่งตั้งครรภ์ ต้องประสบกับความวิปโยคโศกเศร้าปานใด?

แต่เมื่อไม่มีเรื่องเศร้าซ้ำสอง งานศพของพงษ์เทพก็ทำให้เกิดเรื่องสยอง น่าขนหัวลุกโดยไม่มีใครนึกฝัน!

ดิฉัน กับเพื่อนๆ ไปฟังสวดอภิธรรมทุกคืน พ่อแม่ของผู้ตายใจแข็งเหลือเกินทั้งๆ ที่มีลูกชายคนเดียว นั่งพนมมือฟังพระสวดด้วยท่าทางสงบนิ่ง พวกเราเข้าไปยกมือไหว้ก็ฝืนยิ้มรับไหว้ ขอบอกขอบใจที่อุตส่าห์มากันทุกคืน...อรสากับเพ็ญพรถึงกับหันมาซับน้ำตากับ ดิฉัน พึมพำเสียงเครือว่า...ถ้าเป็นเราคงจะขาดใจตายตามลูกไปแล้ว

คืนแรก พี่แหม่ม-หัวหน้าเราที่ออกมาจากบริษัทที่รัชดามางานพร้อมๆ กันก็เจอดีเข้าอย่างจัง

พวก เราจุดธูปไหว้ศพแล้วออกมานั่งที่เต็นท์หน้าศาลา พี่แหม่มนั่งคู่กับพ่อแม่พงษ์เทพ...แต่พอสวดเสร็จจบแรก พี่เขาก็ขอตัวมานั่งสมทบกับพวกเรา มีการเสิร์ฟเกี๊ยวน้ำถ้วยเล็กๆ ดิฉันกับเพื่อนๆ กำลังถือถ้วยตักเกี๊ยวใส่ปาก ส่วนพี่แหม่มขอแต่น้ำเย็น...เอียงหน้าเข้ามาบอกว่า

"นั่งในศาลาไม่ไหว...พงษ์เทพในรูปยิ้มให้พี่ตั้งหลายครั้ง!"

ดิฉัน หวิดสำลัก เพ็ญพรกับอรสาร้องวี้ดว้ายเบาๆ แถมปล่อยถ้วยปล่อยช้อนร่วงลงพื้นซีเมนต์เพล้งๆ จนคนอื่นๆ หันมามอง...ต่างคนต่างเหลียวซ้ายแลขวาเลิ่กลั่ก บรรยากาศแสนจะเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจอย่างบอกไม่ถูก

คืนต่อมามีคุณ ป้าหกสิบเศษ รูปร่างอวบอ้วน ผิวขาว แต่งตัวเนี้ยบ เครื่องประดับวูบวาบ มาดคุณหญิงของแท้...มีลูกๆ หลานๆ คอยตามประคับประคอง พ่อแม่พงษ์เทพออกมายกมือไหว้นอบน้อม...เชื้อเชิญให้เข้าไปไหว้พระ แต่คุณป้าชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

"ลูกชายเมื่อตะกี้หายไปไหนแล้วล่ะ?"

พ่อ แม่พงษ์เทพมองหน้ากัน ก่อนจะเรียนคุณป้าว่ามีลูกชายคนเดียว แต่ท่านยืนยันว่าพอลงจากรถมาถึงหน้าศาลาก็มีหนุ่มหน้าตาดีออกไปยกมือไหว้ ต้อนรับ

"พี่ไม่ได้ตาฝาดนะ...หน้าตาเหมือนพ่อพงษ์เทพเป็นพิมพ์เดียวกัน หรือว่า..."
เสียง คุณป้าขาดหายไปเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ที่ว่าจะเข้าไปไหว้พระเป็นอันว่าล้มเลิก แต่นั่งแปะลงที่เก้าอี้ในเต็นท์ หน้าตาขาวซีด ลูกๆ หลานๆ รีบคว้ายาหอมยาดมมาให้จ้าละหวั่น...ท่านจะเป็นลมน่ะซีคะ!

คืน สุดท้าย คุณลุงคนหนึ่งลุกจากศาลาเมื่อพระสวดจบที่สอง ใครถามว่าจะไปห้องน้ำใช่ไหม? แต่คุณลุงบอกว่าจะกลับบ้าน ไม่รอให้พระสวดจบแล้ว สาเหตุเพราะพงษ์เทพในรูปถ่ายหน้าโลงน้ำตาไหลพรากจนท่านทนดูไม่ไหว
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ...ตอนที่เราออกจากงานศพมาขึ้นรถไล่ๆ กับแขกคนอื่นๆ ดิฉันกำลังสตาร์ตเครื่อง เพ็ญพรกับอรสาที่มาเบียดกันอยู่ข้างหน้าพูดเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ ว่า...พี่ดาคะ พงษ์เทพมาส่งเราค่ะ...
ดิฉัน หันขวับ...แม้แต่ว่าเป็นภาพเลือนๆ ก่อนจะจางหายไป แต่ก็ยังจำได้ว่านั่นคือพงษ์เทพแน่นอน...แล้วใครจะกล้าไปงานศพอีกล่ะคะ? โธ่... 


ขอบคุณข้อมูล hyper